หลายท่านคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงของ เกลือหิมาลายัน หรือเกลือหิมาลัยสีชมพู ที่มีโฆษณาหรือบอกต่อ กันมาว่ามีประโยชน์มากกว่าเกลือธรรมดา และขายในราคาที่แพงมากๆ ล่าสุด อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า
"เกลือหิมาลัย แพงมาก แต่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรพิเศษ"
ในเน็ต มีกระแสการโฆษณาขาย "เกลือหิมาลัย" กันในราคาแพงมากๆ แต่มันมีประโยชน์มากมายมหาศาลอย่างที่เคลมกันจริงหรือ ? …. คำตอบคือ "เปล่าเลย" มันก็แค่เกลือนั้นแหล่ะ กินไปก็เปลืองตังค์
เห็นเป็นแค่เกลือแบบนี้ แต่ราคาแพงกว่าเกลือแกงที่ใช้ปรุงอาหารถึง 20 เท่า (1 กิโล ราคาอาจถึง 10 ดอลล่าร์ หรือ 300 บาท แล้วถ้าเอาไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว ราคาก็ยิ่งแพงหนักเข้าไปใหญ) !! แถมอ้างกันว่า เป็นยาครอบจักรวาล ใช้ได้สารพัด ตั้งแต่กินลดน้ำหนัก ชะลอวัย ช่วยให้หลับสบาย หรือแม้แต่กระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ
เกลือหิมาลัย ไม่ได้ทำจากการตกผลึกเกลือทะเลในนาเกลือ หรือต้มน้ำเกลือที่สูบจากใต้ดินแบบเกลือสินเธาว์ แต่เป็น "หินเกลือ" ที่ขุดจากเหมืองใต้ดินลึกหลายร้อยฟุต ในบริเวณที่อดีตกาลนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ซึ่งมีไม่กี่ที่ในโลก เช่น ที่แม่น้ำเมอร์เรย์ในประเทศออสเตรเลีย ที่มาราสในประเทศเปรู
แต่บริเวณที่พบมากที่สุดในโลก คือที่ ประเทศปากีสถาน บริเวณเชิงเทือกเขาหิมาลัย โดยเหมืองคิวรา ในปากีสถาน สามารถผลิตเกลือนี้ได้กว่า 3.5 แสนตันต่อปี
แล้วเกลือหิมาลัย ดีต่อสุขภาพจริงหรือ ? ในเกลือหิมาลัยนี้ พบว่ามีแร่ธาตุต่างๆ อยู่ถึง 84 ชนิด และเป็นเหตุให้มันมี "สีชมพู" … แต่แร่ธาตุดังกล่าวนั้น คิดเป็นเพียงแค่ 2% ของทั้งหมด ที่เหลืออีก 98% ก็คือ โซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือทั่วๆไปนั่นแหละ
ดังนั้น ด้วยปริมาณอันน้อยนิดในแร่ธาตุที่ปนมากับเกลือโซเดียมคลอไรด์นี้ มันจึงแทบจะไม่มีคุณค่าอะไรมากไปกว่าเกลือธรรมดาเลย
แม้แต่การเอาเกลือหิมาลัยนี้ไปสูดดม หรือเอาไปทำตะเกียง ก็ไม่ได้จะช่วยอะไรกับสุขภาพ … เป็นเพียงแค่ความเชื่อ อุปาทานกันไปเอง เสียมากกว่า
คลิปวิดีโอนี่ สรุปเรื่องราวของ "pink Himalayan salt" หรือ เกลือหิมาลายันสีชมพู เอาไว้อย่างชัดเจนนะ เอาเข้าจริงๆ แล้ว (คลิปนี้บอกว่า) ที่เกลือหิมาลัยมันโด่งดังขึ้นมาได้ ก็เพราะสีสรรอันสวยงาม ที่เหมาะกับการเอาไปถ่ายรูปลง IG ต่างหาก ฮะๆๆ สรุปว่า ถ้าตังค์น้อย อย่าหลงซื้อเลยครับ เปลืองเงินเปล่าๆ
โดยสรุปแล้วก็คือราคาแพง และไม่มีประโยชน์ แต่มีดีอยู่แค่สวยงาม และหาซื้อยากกว่าเกลือธรรมดาทั่วไป ฉะนั้นกินเกลือธรรมดา หรือเกลือไอโอดีนดีกว่า แต่ถ้าใครสะดวกใจหรือไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็ซื้อกินได้ไม่ว่ากัน
ขอขอบคุณที่มาจาก : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ , Business Insider
