รีวิวมันหวานญี่ปุ่นในดองกิ ทั้งหมด 4 พันธุ์ อร่อยจนต้องบอกต่อ

             หลายท่านเองก็คงจะได้ยินชื่อเสียงมาแล้วบ้างกับมันหวานญี่ปุ่นที่ใครๆก็บอกว่าอร่อยหนักอร่อยหนาวันนี้เรามีรีวิวจากสมาชิกพันทิปท่านหนึ่งที่ได้เปรียบเทียบ มันหวานทั้งหมด 4 สายพันธุ์ สายพันธุ์ไหนอร่อยสุดไปชมรีวิวกันเลยจ้า บอกเลยว่าดูแล้วต้องอยากชิมกันแน่นอน อิอิ 

1. ซิลสวีท (Silk Sweet) เปิดตัวจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2012 ด้วยการจับคู่ผสมระหว่าง “ฮารุโคกะเนะ” x”เบนิ อาสึมะ” แม้จะเปิดตัวได้ไม่นาน ซิลสวีทก็สามารถกลายมาเป็นมันหวานอีกชนิดที่ติดอันดับยอดขายต้น ๆ ในประเทศญี่ปุ่น มันมีรสหวานจัดและเนื้อที่นุ่มหนึบคล้ายเบนิฮารุกะ แถมเนื้อของมันยังมีสีเหลืองเข้มคล้ายกับรังไหมต่างกับเบนิฮารุกะที่มีสีเหลืองครีมอ่อน ๆ อีกด้วย

2. เบนิ ฮารุกะ (Beni Haruka) หลังจากมีการเปิดตัวและจำหน่ายได้ไม่นาน เบนิฮารุกะ ก็กลายเป็นมันที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความหวานที่เหนือมันหวานธรรมดาหลายเท่าประกอบกับเนื้อที่นุ่มและหนึบจนแทบจะละลายทันทีที่เข้าปากของมันทำให้กลายเป็นที่ฮือฮาของแฟนคลับผู้ชอบทานมันหวานชาวญี่ปุ่น มีการเขียนรีวิวมากมายเกี่ยวกับเบนิฮารุกะออกมานับร้อยเว็ปไซต์ นับได้ว่าเป็นมันหวานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ (ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกเยอะที่สุดในญี่ปุ่น เพราะได้รับความนิยมสูงสุด)

3. เบนิ อาซึมะ (Beni Azuma) มันหวานเปลือกแดงเนื้อเหลืองเช่นเดียวกับ เบนิ ฮารุกะ เป็นมันที่ครองใจชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันมีเนื้อแป้งที่ดี รสหวานโดดเด่น รสสัมผัสเหนียวและนุ่ม ทานอร่อยได้เรื่อย ๆ ราวกับขนม แต่เมื่อเบนิฮารุกะเปิดตัว เบนิอาซึมะ ก็มียอดจำหน่ายน้อยลง แต่ถึงกระนั้น เบนิอาซึมะ ก็ยังเป็นที่ต้องการในตลาดไม่แพ้เบนิฮารุกะ เพราะฐานตลาดเดิมที่เคยเชื่อมั่นในคุณภาพความอร่อยของ เบนิอาซึมะ เดิมยังคงจงรักภัคดีต่อมันหวานชนิดนี้อยู่นั่นเอง

4. Beni imo (Okinawa Purple Sweet) มันคือมันญีปุ่นสีม่วง และยังเป็นมันสีม่วงเปลือกแดงที่ว่ากันว่ามีรสหวานอร่อยกว่ามันสีม่วงชนิดอื่น ๆ อีกด้วย เพอเพิ้ล สวีท ถือเป็นมันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคนที่รักสุขภาพ เนื่องจากมีสารแอนโทไซยานินสูง ทานง่าย รสหวานอร่อย ไม่มีเสี้ยนนั่นเอง นอกจากนี้มันยังเป็นมันม่วงที่มีการปลูกเยอะที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

              แต่ละสายพันธุ์นั้นมีความแตกต่างกันแต่อร่อยที่สุด จากรีวิวก็จะเป็น เบนิ ฮารุกะ (Beni Haruka) เห็นรีวิวแล้วอยากจะลองชิมทันทีเลยค่ะ เพราะแต่ละสายพันธุ์นั้นสีสันน่าทานมาก

ขอขอบคุณที่มาจาก: สมาชิกหมายเลข 3781187