ประสบการณ์ทำตามฝัน กว่าจะมาเป็นแอร์โฮสเตส มันไม่ง่าย

              แอร์โฮสเตสคืออาชีพที่สาวๆหลายคนไผ่ฝันและเป็นอาชีพที่ดูสวยหรู ซึ่งทั้งยูนิฟอร์มและเห็นบนสายการบินแต่ละสายนั้นบอกเลยว่า อนาคตต้องเป็นแบบนี้ และน้องๆหลายคนก็คงกำลังเรียนให้ตรงสายเพื่อที่จะเป็นแอร์ วันนี้เราจึงนำประสบการณ์ของสมาชิกพันทิปท่านหนึ่งที่ได้ มารีวิวการทำตามความฝัน กว่าจะเป็นแอร์โฮสเตส มันไม่ง่าย

              โดยเจ้าของกระทู้ระบุเรื่องราวว่า ในกระทู้นี้เราจะบอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์การสมัครแอร์โฮสเตส กว่าจะมาเป็นแอร์โฮสเตสนี่ไม่ง่ายเลยนะคะ สมัครหลายที่   หลายรอบ แต่บทจะได้ก็ได้ง่าย ๆ เลย

              ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อจูนค่ะ ขออนุญาตแทนตัวเองว่า “พี่จูน” นะคะ เนื่องจากคนที่จะเข้ามาอ่าน รวมถึงเสิร์จหาข้อมูลการสมัครแอร์ผ่านกระทู้ในพันทิปก็คงหนีในพ้นน้อง ๆ นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบที่ยังไม่มีข้อมูลด้านนี้มากนัก หรืออาจจะเป็นน้อง ๆ ที่เริ่มทำงานแล้ว แต่อยากเปลี่ยนงาน อยากลองมาสมัครแอร์ เผื่อจะได้ติดปีกกับเค้าบ้างมาเริ่มกันเลยนะคะ 

              พี่จูนขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว (โอ้โหยย ยาวนานมากอ่ะ) ตอนนั้นพี่จูนยังเรียนอยู่ปี 4 เทอม 2 ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งแถวท่าพระจันทร์ (บอกใบ้ขนาดนี้ พูดชื่อเต็มมาให้รู้แล้วรู้รอดเห้อออ 555) พี่จูนเรียนเอกภาพยนตร์ค่ะ แต่ลงเรียนโทวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งจะต้องไปเรียนรวมกับนักศึกษาคณะศิลปะศาสตร์ เอกอังกฤษซะเป็นส่วนใหญ่ ตอนนั้นใกล้จะจบแล้ว เพื่อน ๆ ก็พยายามไปหางานทำ ยื่นใบสมัครไปตามบริษัทต่าง ๆ  แต่งานที่ฮ็อตฮิตที่สุดนั่นก็คือออออ แอร์โฮสเตสนั่นเองงงง (เสียงทีวีแชมเปี้ยน)

              ทีนี้พอพี่จูนเห็นเพื่อน ๆ เค้าอยากเป็นแอร์กัน มันไปเลยไปกระตุกต่อมความฝันในวัยเด็กที่อยากเป็นแอร์ ความฝันนี้ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลย หากเรามีความพยายามมากพอ คิดได้ดังนั้น พี่จูนเลยลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพนี้ดู รวมถึงไปซื้อหนังสือมาอ่านเตรียมตัวไปสมัครแอร์อย่างจริงจัง ซึ่งในสมัยนั้นข้อมูลในกูเกิ้ลก็มีน้อยมากกก ยูทูปยังไม่มีเลยมั้งคะ (อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ) เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการสมัครแอร์ก็รู้สึกว่าจะมีอยู่เว็บเดียว หนังสือเหรอ มีไม่กี่เล่มเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องลงทุนไปเรียนคอร์ส ที่ติวสมัครแอร์โดยเฉพาะ แต่ไม่ค่ะ พี่จูนไม่เคยเสียเงินไปลงเรียนคอร์สใด ๆ เลย พี่จูนหาข้อมูลด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อนไปสมัครที่ไหนมาก็ไปถามเพื่อนเอา

              สิ่งแรกเลยพี่จูนเตรียมตัวนั่นก็คือการสอบโทอิก พี่จูนไม่ได้ไปลงเรียนที่ไหนเลยเช่นกัน พี่จูนซื้อหนังสือมาอ่านเองค่ะ และฝึกทำข้อสอบเก่า ๆ เยอะ โชคดีที่พี่จูนพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษด้านการอ่านและการเขียนอยู่พอสมควร จึงทำข้อสอบได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจได้ไม่ยากนัก แต่อย่าถามถึงเรื่องการพูดและการฟังนะคะ แค่ฝรั่งมาถามทางที่ป้ายรถเมล์ พี่จูนยังคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องเล้ย เรียกได้ว่า หูไม่ค่อยกระดิกซักเท่าไหร่ จะพูดก็เขิน ๆ อาย ๆ จะพูดแต่ละคำก็กลัวพูดผิดไวยากรณ์ นึกคำศัพท์ไม่ออก แถมต้องคิดเป็นไทยก่อนแล้วค่อยแปลงเป็นอังกฤษ ยากไปอี๊กกก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ฝึกได้ค่า

              จากนั้นพี่จูนก็เริ่มไปหาซื้อชุดสูทมาใส่ค่ะ เลือกแบบเรียบหรูดูดี ใส่ได้หลายโอกาส สมัครได้หลายสายการบิน เน้นสีพื้นดำ เทา กรมเป็นหลัก ถ้ามีงบประมาณเพียงพอก็สามารถซื้อสีอื่นที่เหมาะกับเราเพิ่มได้ และถ้าเป็นไปได้เลือกแบบสูทที่ตัดพอดีกับตัวเรา หรือชุดตัดสำเร็จ แต่ต้องแก้ให้พอดีตัว   เพราะมันใส่แล้วเข้ารูป ดูดี และเสริมความมั่นใจให้กับเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งสมัยนี้ก็มีสูทคุณภาพดีและราคาถูกให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งร้านค้าที่ขายออนไลน์และมีหน้าร้านประจำ น้อง ๆ ก็ลองไปเลือกซื้อกันดูได้เลยนะคะ

              ถัดมาก็เป็นเรื่องถ่ายรูปสมัครงาน สมัยนี้ก็มีร้านถ่ายรูปราคาประหยัดมากมายให้น้อง ๆ ได้ไปถ่ายกัน ตรงนี้น้อง ๆ สามารถหาข้อมูลในกูเกิ้ลได้เลยนะคะ ตรงพี่จูนต้องขออภัยจริง ๆ ที่ให้ข้อมูลได้ไม่มาก เพราะว่าสมัยที่พี่จูนถ่ายนั้น มีร้านถ่ายรูปสำหรับสมัครแอร์เพียงไม่กี่ร้าน และร้านเหล่านี้ก็หายไปตามกาลเวลา ลองดูรีวิวต่าง ๆ ก่อนได้ค่ะ เรื่องรูปนี่พี่จูนพูดเลยว่า ต้องลงทุน ต้องยอมจ่ายค่ะ เพราะบางทีเราต้องส่งใบสมัครออนไลน์ไปก่อน เค้าก็จะดูจากรูปเรา นี่แหละ ถูกใจไม่ถูกใจ จะเรียกเราไปสัมภาษณ์มั้ย วัดกันตรงนี้เลย วันไปสัมภาษณ์หน้าจริงเป็นยังไงค่อยว่ากัน 555

              อีกเรื่องที่สำคัญคือ resume ค่ะ พี่จูนไปก็ไปเสิร์จหา template แบบต่าง ๆ จากกูเกิ้ล (อีกแล้ว ขอบคุณกูเกิ้ลมากๆ) ที่เราคิดว่าโอเคที่สุด ใส่ข้อมูลได้ครบ สั้น กระชับ เข้าใจง่าย ไม่เวิ่นเว้อ ถ้าเป็นไปได้พยายามใส่ให้พอในหน้าเดียว เพราะพี่จูนกลัวกรรมการไม่พลิกหน้าหลังค่ะ 555 แต่ถ้าใครมีประสบการณ์ให้ใส่เยอะ ก็จัดไปค่ะ แต่ก็ดูความเหมาะสมด้วยนะคะ พยายามเลือกอะไรที่มันเกี่ยวกับการสื่อสารกับผู้คน กับงานด้านบริการต่าง ๆ จะดูเด่นมาก เสร็จแล้วก็แปะรูปแสนสวยของเราลงไปเลย เก็บไว้ทั้งไฟล์ pdf และ hard copy

              และแล้วก็มาถึงวันที่พี่จูนไปยื่นใบสมัครและสอบสัมภาษณ์แล้วค่า พี่จูนให้เพื่อนสาวชาวสีม่วงที่เรียนแต่งหน้ามา เป็นคนช่วยเนรมิตความสวยให้พี่จูน เพราะพี่จูนแต่งหน้าแทบไม่เป็นเลย พอเขียนคิ้วเขียนขอบตาปัดแก้มได้บ้าง แต่ก็ไม่มั่นใจในฝีมือการแต่งหน้าของเรา เลยให้เพื่อนช่วยแต่งให้ดีกว่า    ตอนนั้นไปสมัครอยู่หลายสายการบินเลย ที่ไหนเปิดรับก็ไปหมดทุกที่ ตั้งแต่สายแขกต่าง ๆ เอมิเรตส์ กาตาร์ สายเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไปมาหมดค่ะ 

               แต่ไม่เคยผ่านรอบแรกแม้แต่สายการบินเดียว ไม่ใช่เพื่อนแต่งหน้าไม่สวยนะคะ เพื่อนแต่งสวยค่ะ เพียงแต่ว่ามันไม่เหมาะกับเรา ลุคที่แต่งเป็นลุคหน้าแน่น ปากแดง คิ้วเข้ม ตาคม ทีนี้พี่จูนลองเปลี่ยนลุคค่ะ ตอนนั้นไปสมัครสายการบินบางกอกแอร์เวย์ พี่จูนใส่ชุดสูทสีเทา เสื้อสีชมพูกลีบบัว แต่งหน้าโทนสาวหวาน ปากชมพูแบ๊ว ๆ สไตล์เด็กจบใหม่ ปรากฏว่าผ่านฉลุยตั้งแต่รอบแรกไปถึงสัมภาษณ์รอบสุดท้าย ประเด็นคือ น้อง ๆ ต้องลองแต่งหน้าหลาย ๆ แบบนะคะ หาแบบที่เหมาะกับเราให้เจอ แบบที่แสดงความเป็นตัวเราออกมาได้มากที่สุด พี่จูนหน้าหมวยค่ะ แต่งแบบแบ๊ว ๆ ให้กรรมการเห็นถึงความไร้พิษสงของเรา เอ๊ย ไม่ใช่ ความน่ารักค่ะ แบบนี้ตรงกับคอนเซ็ปของสายการบินที่เราไปสมัครด้วย กรรมการก็ชอบด้วย น้อง ๆ สามารถเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าด้วยตัวเองจากยูทูปได้เลยนะคะ มีเยอะมากกกก

              แต่ๆๆๆๆๆๆๆ พี่จูนก็ไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันกับสายการบินนี้หรอกนะคะ พี่จูนตกสัมภาษณ์รอบที่ 3 ค่ะ เหตุผลหลักที่ทำให้พี่จูนตกรอบ นั่นคือ ภาษาที่ 3 ค่ะ ในเรซูเม่ของพี่จูนได้ระบุว่า เรียนภาษาฝรั่งเศสตอนม.ปลาย สามารถสื่อสารภาษาฝรั่งเศสได้พอสมควร แต่มันก็ไม่มากพอ ประกอบกับพี่จูนห่ายหายจากการเรียนภาษาฝรั่งเศสไปถึง 4 ปี ในช่วงที่เรียนมหาลัย สิ่งที่พี่จูนคาดหวังคือ กรรมการอาจจะถามเราทั่ว ๆ ไป เกี่ยวกับการใช้กาษาฝรั่งเศสเบื้องต้น การแนะนำตัวต่าง ๆ แต่ดูแล้วท่านกรรมการน่าจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้ค่า เลยอาจจะอยากทดสอบเรา และพอดีว่าท่านกรรมการสัมภาษณ์พี่จูนในช่วงเรียนมหาลัย ว่าได้เรียนโทภาษาอังกฤษ มีพวกวิชาท่องเที่ยว นำเที่ยวต่าง ๆ เคยเรียนรู้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ต่าง ของวัดสำคัญ ๆ ของกรุงเทพเช่น วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุณ เคยไปยืนอธิบายข้อมูลจริง ในสถานที่จริง ทีนี้ค่ะท่านกรรมการเลยให้    พี่จูนลองพานำเที่ยว อธิบายวัดพระแก้วเป็นภาษาฝรั่งเศส!!!!!!

พี่จูนอยากจะกรีดร้องในใจ …..โอ้มายก้อดดดดดดดดดดดดด

              แต่พี่จูนจะร้องมาไม่ได้ จึงต้อง keep cool ซึ่งก็คงไม่คูลเท่าไหร่ เราต้องเล่นใหญ่และเล่นให้สุด และทำการด้นสด ดำน้ำต่อไป ตอนพูดจึงตะกุกตะกัก ผิดไวยากรณ์ นึกศัพท์ไม่ออก และมั่วไปหมด แต่คำว่า พระแก้วมรกต จะพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสว่าอะไร ก็แย่แล้ว พูดจบได้ไม่นาน ตอบอีกซัก 2-3 คำถามก็ออกจากห้องสัมภาษณ์ ตอนนั้นพี่จูนรู้เลยว่าไม่ผ่านแน่ ๆ นอกจากจะไม่มั่นใจแล้วยังพูดภาษาที่ 3 ไม่ได้จริงอย่างที่โม้ด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่จูนจะตอบท่านกรรมการตรง ๆ เลยว่า พี่จูนคงใช้ภาษาฝรั่งเศสในระดับนั้นไม่ได้แล้วจริง ๆ เพราะห่างหายไปนาน แต่ถ้าให้พูดเบื้องต้น ระดับง่าย ๆ พี่จูนยังสามารถสื่อสารได้อยู่ แต่ในเมื่อเราย้อนเวลาไม่ได้ ก็ต้องยอมรับผลการกระทำของเรา

กว่าจะได้เป็น

           กว่าจะเป็นแอร์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆนอกจากเราจะเตรียมความพร้อมในเรื่องความรู้ความสามารถแล้วยังต้องมีไหวพริบอีกด้วย และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือ บุคคลิกภาพที่ดี  สำหรับประมาณของเจ้าของกระทู้นั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก หวังว่าคงจะเป็นแนสทางและประโยชน์สำหรับคนที่อยากจะสอบ เป็นแอร์โฮสเตสนะคะ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังทำตามฝัน สู้ๆค่ะ

ขอขอบคุณที่มาจาก: สมาชิกหมายเลข 5481015