กรดไหลย้อน อะไรทานได้ อะไรทานไม่ได้

           การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ การแข่งขันกันสูง การกินการนอนที่ไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพที่ตามมาอย่างมากมาย งานที่ดีเงินที่ได้ก็จะกลายมาเป็นค่ารักษาสุขภาพต่อไป วันนี้ kaijeaw.com จะพามาดูปัญหาสุขภาพที่เป็นกันมากเช่นกันคือ กรดไหลย้อน เอ๊ะแล้วโรคนี้เป็นยังไง สาเหตุเกิดจากอะไร มีผลร้ายแรงไหม ถ้าเป็นแล้วจะรักษาหายไหม วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ

           โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease: GERD) พบได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรืออาการขย้อนจนรบกวนชีวิตประจำวันได้

              กรดไหลย้อน สาเหตุเกิดจากอะไร สาเหตุเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ซึ่งกรดเหล่านี้มีความเข้มข้นสูงมาก ทำให้เกิดอันตรายต่อหลอดอาหาร และเยื่อบุในหลอดอาหารที่มีความบอบบาง กระทั่งทำให้เกิดการอักเสบตามมา ซึ่งโดยปกติแล้วกรดหรือน้ำย่อยจะไม่สามารถขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหารได้ ยกเว้นในช่วงที่กลืนอาหาร หรือช่วงที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างมีการคลายตัวอย่างผิดปกตินั่นเอง

อาการโรคกรดไหลย้อน

– อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก ซึ่งจะเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก การนอนหงาย

– มีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ผู้ป่วยมักมีอาการเรอและมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก จนทำให้เกิดพยาธิสภาพในหลอดอาหารขึ้น ได้แก่ หลอดอาหารอักเสบมีเลือดออกจากหลอดอาหาร กลืนติด กลืนลำบาก

– ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร

– เจ็บหน้าอก จุกคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ ต้องพยายามกระแอมออกบ่อยๆ 

– หืดหอบ ไอแห้งๆ เสียงแหบ เจ็บคอ อาการเหล่านี้เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณกล่องเสียง ทำให้เกิดกล่องเสียงอักเสบ

– ในเด็กเล็ก อาการที่ควรนึกถึงโรคนี้ ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หืดหอบในเวลากลางคืน ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ

การปฏิบัติตัว

       ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่มาก สามารถรักษาได้โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้

-ระวังน้ำหนักตัวไม่ให้มากหรืออ้วนเกินไป

– หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต

– หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและการสูบบุหรี่

– หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อเย็นปริมาณมาก และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

– ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือรัดเข็มขัดแน่นจนเกินไป

– ควรรับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง

– ปรับหรือหนุนหัวให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว

– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

– พยายามหลีกเลี่ยงความเครียด

 ป่วยกรดไหลย้อน ห้ามกินอาหารอะไรบ้าง

– งดอาหารมัน ๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหอมหัวใหญ่ดิบ กระเทียม มะเขือเทศ ช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ สะระแหน่ 

-รวมทั้งอาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว และเค็มจัด เช่น ส้มตำ ต้มยำ เพราะมีแก๊สมาก 

 -ไม่ควรเติมน้ำส้มสายชูลงในอาหาร เพราะยิ่งจะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร 

-หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา โซดา เนื่องจากมีแก๊สที่ทำให้ปริมาตรกระเพาะอาหาร เพิ่มขึ้น ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารเปิดออกและปล่อยให้กรดจากกระเพาะอาหารขึ้นมาที่หลอดอาหารได้สะดวกขึ้น

 -ไม่เคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไป เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งมีส่วนเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ทำให้กลืนน้ำลายลงไปมากขึ้น และเพิ่มการกลืนลมลงไปในท้อง[ads]

ป่วยกรดไหลย้อน ควรกินอาหารอย่างไร

– ควรเปลี่ยนมาทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ อย่างปลา ไก่ และอาหารที่มีเส้นใยมาก ๆ เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ 

-รับประทานอาหารแค่พออิ่ม หรืออาจแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ ทานน้อย แต่บ่อย

-กินอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวให้ละเอียด และไม่ควรงดอาหารมื้อเช้า

              โรคกรดไหลย้อน สามารถรักษาให้หายได้ โดยการรับประทานยากลุ่มยาลดกรด แต่ถ้ามีอาการมาก และเรื้อรังควรได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรับยาที่ตรงกับโรค ในบางรายที่อาการหนักอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้นหากมีอาการควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ 

                กรดไหลย้อน เมื่อเป็นแล้วถึงแม้จะรักษาได้ แต่ก็คงไม่มีใครอยากเป็น การเลือกการทานอาหาร การทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ การออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพ ก็เป็นการทำให้ห่างไกลจากกรดไหลย้อนได้ และยังทำให้ห่างไกลจากโรคอื่นได้ด้วย เมื่อมีปัญหาเรื่องสุขภาพอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจนะคะ

เรียบเรียงโดย: tkvariety