ภาพยนตร์ Fast and Furious ที่ภาคนี้เป็นภาคที่ 9 แล้ว และ ซึ่งจะพิเศษมากเพราะมาถ่ายทำที่เมืองไทย โดยคอหนัคนไทยส่วนใหญ่ก็ต่างเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของทีมงานถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ มีการแชร์ภาพการเคลื่อนย้ายรถที่คาดว่าจะนำมาเข้าฉากในหนัง ลงในโลกโซเชียล
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานกองถ่ายทำภาพยนตร์ "Fast and Furious 9" หรือ Fast 9 ใน จ.กระบี่ ได้ขนย้ายอุปกรณ์ประกอบฉาก รวมถึงรถยนต์ซุปเปอร์คาร์สุดหรู รถยนต์หุ้มเกราะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมแล้วกว่า 40-50 คัน เข้าไปประจำไว้ตามจุดที่คาดว่าจะใช้ถ่ายทำ โดยคาดว่าจะใช้พื้นที่ถ่ายทำ 5 จุดใน จ.กระบี่ โดยทีมงานนักแสดงสตั๊นท์แมนที่จะเข้าฉากแอ็กชั่นแทนนักแสดงจริง ต่างเข้าไปสำรวจโลเกชั่นการถ่ายทำ และมีการซักซ้อมการถ่ายทำบางส่วน ก่อนจะถึงวันถ่ายทำจริงตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ โลเกชั่นถ่ายทำที่ทีมถ่ายทำจะใช้ เป็นพื้นที่ จ.กระบี่ 5 จุด จ.สุราษฎร์ธานี 2 จุด และ จ.พังงา 1 จุด รวมทั้งหมด 8 จุด โดยส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ของเอกชนในการถ่ายทำ เนื่องจากเกรงว่าหากใช้พื้นที่ธรรมชาติ จะส่งผลกระทบจากการถ่ายทำ บรรดาทีมงานเร่งเข้าติดตั้งอุปกรณ์สเปเชียลเอฟเฟกต์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด คอยกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดเวลา
ขณะที่ทีมงานบางส่วนกำลังเร่งประกอบรถยนต์ที่จะใช้ประกอบฉาก โดยใช้พื้นที่โรงงานเก่าของเอกชนในตัวเมืองกระบี่เป็นพื้นที่ทำงานตลอด 24 ชม. ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของทีม รปภ.ที่ถูกจ้างมากันไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ฝากย้ำเตือนมาถึงประชาชนในพื้นที่ ห้ามเข้าไปรบกวนการถ่ายทำในช่วงที่มีการถ่ายทำจริงเกิดขึ้น เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัยจากอุปกรณ์สเปเชียลเอฟเฟกต์ ซึ่งบางจุดอาจจะมีฉากระเบิด ซึ่งเกรงจะเป็นอันตรายหากผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ถ่ายทำ
ขณะเดียวกัน มีผู้ที่พยายามถ่ายภาพรถยนต์ที่จะใช้เข้าฉากออกมาโพสต์เผยแพร่ทางสังคมโซเชียล ซึ่งทางทีมงานร้องขอให้ทุกคนหยุดการเผยแพร่ เนื่องจากอาจจะไปละเมิดสิทธิ์ของบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ได้ หากมีส่วนใดที่ทางกองถ่ายจะเปิดเผยต่อสาธารณชน จะประสานงานให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอย่างแน่นอน
ทางด้าน นายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความและนักจัดรายการด้านกฎหมายใน จ.กระบี่ ให้ความเห็นว่า กรณีการนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ หรือแชร์ต่อในสังคมโซเชียลว่า "อาจจะไปเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์ได้ อยากเตือนให้ผู้คนที่ใช้โซเชียลพิจารณาให้ถี่ถ้วน ก่อนจะนำภาพหรือเนื้อหาที่เกินจริงไปเผยแพร่ อาจจะถูกฟ้องร้องได้หากการเผยแพร่ไปสร้างความเสียหายให้ผู้เป็นเจ้าของ".
ขอขอบคุณที่มาจาก : thairath.co.th
