เหนื่อยใจ เจอเพื่อนบ้านโรคจิต เอากล้องส่องในบ้านทำสารพัดเพื่อกวนใจ

          เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วเหนื่อยใจแทนไม่น้อยเลยนะคะ กับการที่ต้องเจอเพื่อนบ้านเช่นนี้ แน่นอนว่าการซื้อบ้านที่เป็นหมู่บ้านจัดสรรนั้น ต้องเจอเพื่อนบ้านมากหน้าหลายตา ซึ่งมีทั้งดัและร้าย แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะเจอเพื่อนบ้านที่ไม่เข้าใจกัน เช่นเจ้าของกระทู้นี้ที่ได้เจอกับเหตุการณ์ ที่ลำบากใจเนื่องจากเพื่อนบ้านทำสารพัดเรื่องเพื่อกวนใจ 

              โดยเล่าเหตุการณ์ว่า  หลังจากเหตุการณ์ณ์ส่องกล้องวันนั้น ทางเจ้าของบ้านตรงข้ามเรา ( ที่ไม่ใช่บ้านคู่กรณี ) นัดครอบครัวมาตกลงกันที่ นิติบุคคลของหมู่บ้านว่าจะต่างคนต่างอยู่ ให้เอาป้ายที่ติดว่ามีกล้องส่องออกไป ตามภาพ

             หลังจากนั้นต่างคนต่างก็ใช้ชีวิตกันไป เราก็ไม่อยากอะไรมากมายไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้านจริงๆเพราะเรามองว่ามีปัญหากับเพื่อนบ้านคงไม่ส่งผลดีอะไรกับเราเลย จึงไม่ไปต่อถึงจะมีรูปกล้องยิงเข้าบ้านเราชัดเจนเอาผิดได้ก็ตาม เป้าหมายที่มา คือ ทำงานเท่านั้น แม้ว่า คนที่มาวุ่นวายหน้าบ้านเราจะเป็นบ้านหลังนั้นฝ่ายเดียวก็ตาม ด้วยที่เราต้องทำงานอยู่ที่บ้านก็ปล่อยเลยตามเลยกันไป ก็ใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา ดูเมือนจะไม่มีอะไร ตั่งแต่วันที่เราตั้งกระทู้ส่องกล้องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561 จนกระทั้ง 

             วันที่ 5 ตุลาคม 2561 ได้มีใบแจ้งข้อกล่าวหาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ว่าเราได้ไปกระทำรถเขา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โดยกล่าวหาว่าเราไปกรีดรถเขา ทางเราก็ งง นิดหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ( เอาอีกแล้วหรือคงทำงานไม่ได้อีกแล้วเรา ) จึงไปที่ สน.ทันที และทางเจ้าหน้าที่ ก็กล่าวหาทันที ว่าเราไปกระทำรถเขาซึ่งเหตุเกิดที่เดอะมอลบางแค ตำรวจทั้งขู่ ทั้งบังคับ สารพัด เพื่อให้เราสารภาพว่าทำ แต่ คนไม่ได้ทำจะบอกว่าทำได้อย่างไรเราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเลย ( คิดว่าในใจว่าต้องมีทนาย สู้ก็สู้ เพื่อตัวเอง ) และยังเอาตำรวจมาข่มขู่ที่บ้านเราอีกด้วย ตามภาพ

              เราจึงคิดว่า ถ้ายังวุ่นวายกันแบบนี้เราจะทำงานอย่างไร จึงไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นสักพัก ก็ประมาณ 3-4 เดือน ต่อมาเราจึงกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้ง เพราะเป็นบ้านซื้อไม่ใช่บ้านเช่า ไปคงไปไม่ได้ตลอดชีวิต โดยคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เขามาขวางทางเข้าออกประตูบ้านเราและอาจจะส่องกล้องเข้ามาอีก จึงนำรถไปจอดหน้าบ้านตนเองตรงประตูบ้านเราเองดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้บ้านคู่กรณีเป็นอย่างมากจึงให้ลูกชายลากรถมาประกบรถเราในหน้าบ้านเราเอง งง ไหมทุกคนที่ทำกันขนาดนี้ รถสีดำคือรถเรา บน-ล่าง ของบ้านคู่กรณีทั้ง  2 คัน ( มีรูปเยอะของลงพอประมาณ )

              และยังแจ้ง รปภ. หมู่บ้านให้มาดูว่า รถบ้านเราไม่จอดชิดฟุตบาท ตามรูป แต่ รปภ. มองว่าปกติเพราะคนในซอยยังเข้าออกได้ตามปกติจึงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ตามรูป สีเหลี่ยมแดง คือ รปภ.

             คิดไว้แล้วว่าต้องเกิดอะไรขึ้นอีกแน่ รบกับคนโรคจิต ก็เป็นไปตามคาด ตามรูปจะเห็นว่าบ้านเราปลูกหญ้าหน้าบ้านไม่รอช้า คู่กรณีและครอบครัว พากันขึ้นมาลาก บี้ เหยียบทันที เพื่อทำให้หญ้าบ้านเราเสียหาย ฟุตบาทหมู่บ้านนี้ปกติไม่มีใครเดิน ตามรูปรูปพ่อจัดไป ( เหยียบ )

เหยียบให้พอ

ลูกชายก็มาเหยียบอีก

               หลังจากนั้นเราคิดว่า เอาหญ้ากับกระถางต้นไม่มาบังทางเข้าออกดีกว่า ไม่รอช้าทำเลย วางปิดเลยไม่ให้เดินงต้นไม่มาบังทางเข้าออกดีกว่า ไม่รอช้าทำเลย วางปิดเลยไม่ให้เดิน

             หลังจากนั้นสร้างความไม่พอใจให้บ้านคู่กรณีเป็นอย่างมาก คู่กรณีจึงไปแจ้งนิติบุคคลหมู่บ้านว่า ให้บ้านเรานั้น เอาหญ้าหน้าบ้านออกไป และให้เอากระถางออกไปอีกด้วย ไปหานิติทุกวันแจ้งทุกวัน ( งง อีกไหมทุกคน ) ถ้าคนที่อยู่หมู่บ้านนี้จะรู้กันเลยว่า หมู่บ้านนี้นั้นทุกบ้านก่ออิฐวางกระถางเกือบแทบจะทุกหลัง นิติไม่สามารถทำตามประสงคู่กรณีได้เลยเราคิดในใจ ( จะเกิดอะไรอีก ) รอดูสิจะเกิดอะไรขึ้นอีกหว่า และแล้วจริงด้วย คู่กรณีให้ลูกมาทำอะไรไม่รู้หน้าบ้านเรา ( กรอบแดง เข้ามาทำอะไร วางอะไรหรือ )

           จึงเกิดการมีปากเสียงกันขึ้นโดยการพูดจาข่มขู่ ใส่ร้ายป้ายสี ท้าชกต่อยในเวลากลางคืน เราจึงไม่รอช้า เข้าแจ้งนิติบุคคลหมู่บ้าน และยังไปแจ้งความอีกด้วย ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ไม่ขอลงใบแจ้งความ 

           ในส่วนเรื่องคดีความ ที่คู่กรณีแจ้งว่าเราไปทำให้เสียทรัพย์นั้น เราไม่ยอมรับในข้อหาที่เขาแจ้ง เราจึงไปต่อ นั้นก็ คือ ศาล มีทนายความ ศาล เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยาวกันไป จนกระทั้ง มีคำสั่งจากศาลว่า เราไม่ได้ผิด แต่เคยถามว่าทนายความฝั่งคู่กรณีว่าเขาโมโหอะไรที่หาว่าบ้านเราไปรังแกเขา “ ใช้คำว่า เราไปรังแก แม่จ้าว “ ทนายความฝั่งเขาแจ้งว่า เราไม่ยอมเอารถไปจอดในบ้านเราเอง เอามาจอดหน้าบ้านตัวเองเพื่อไปแกล้งคู่กรณี ( งง อีกไหมทุกคน ) ตกลงบ้านหลังนี้ของใคร 

หลังจากนั้นก็มีคำสั่งจากศาล ดังนี้ คู่กรณีแจ้งศาลว่า ถ้าจะให้เรื่องจบต้องทำตามนี้ 

# ทั้งที่ความจริงศาลไม่สามารถเอาผิดเราได้เพราะหลักฐานที่คู่กรณีกล่าวอ้างนั้นมันไม่ชัดเจนถึงไปต่อก็ไม่ชี้ชัดว่าเราทำ

# และศาลยังแจ้งอีกว่า เรื่องราวเล็กน้อยแบบนี้ประเทศไทยยังมีคนที่เดือดร้อนกว่านี้อีกมากเขาขออะไรก็ทำให้ไปจะได้จบ

# ยังคงยืนยันต่อศาลขอจอดรถที่เดิมและให้เราออกจากบ้านเดินหน้าเอาตูดรถถอยออกจากซอยไป แต่ศาลไม่อนุญาตให้จอด

คำขอจากคู่กรณีในวันที่อยู่ในชั้นศาล

1.ให้บ้านเราเอากระถางต้นไม่หน้าบ้านออกไป คือ กระถางที่เขามาเดินแล้วเราปิดไว้  ( เราไม่ทำตามที่ขอ )

2. ให้เอากระเบื้องที่เราไว้กันสัตว์เลื้อยคลาน ออกไปจากสวนบ้านเรา ( เอาออกให้แล้วเดี่ยว อก แตกตาย )

3. คู่กรณีมองที่ชั้น 2 บ้านเรา หาว่าเราไปวางของอะไรไม่รู้เล็งไปที่บ้านเขา  ( คงอยากให้เอาออกแต่ดันอยู่ในบ้านเรา  ) นั้นคือ คำสังจากศาลครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทางบ้านคู่กรณีจะแจ้งไปว่า ต่างคนต่างอยู่นะ ( อืม !!!! เราเคยไปยุ่งบ้านเขาตอนไหน งง มาก ) 

4. คู่กรณียังสั่งทนายความเขาต้องการให้เราเอากล้องที่ส่องบ้านเราออกไปติดที่หลังบ้านเราเองโดยอ้างว่าไปส่องบ้านเขา เขาไม่ชอบ แต่ทนายไม่สามารถทำตามได้ เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนรองรับว่าติดกล้องหน้าบ้านตัวเองนั้นผิด

         และจากวันนั้น ก็อยู่โดยใช้ชีวิตปกติกันไป เราก็ทำงานของเราไป จนกระทั้ง วันที่ 16 ตุลาคม 2562 ทางบ้านหลังนั้นก็ได้ทำอีกครั้ง โดยการตั้งกล้องแล้วส่องเข้ามาในบ้านเราอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เราต้องมาตั้งกระทู้อีกครั้ง กล้องที่ส่องนั้นสามารถเห็นบ้านเราทั้งหลังเพราะเป็นกล้องโดมเห็นถึงหลังคาบ้านเลย ถ้าคนทั่วไปก็คงจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ส่องธรรมดา แต่ที่มันไม่ปกติ คือ เราเคยมีปัญหากันมามากมายนับไม่ถ้วน และมีข้อสงสัยว่า

1. บ้านที่มีคนอาศัยที่ติดกล้องกับบ้านที่ไม่มีคนอาศัยความรู้สึกมันย่อมต่างกัน ( บ้านเราก็ติดกล้องส่องหน้าบ้านตัวเอง ) บ้านตรงข้ามที่ติด คือ บ้านร้างซึ่งไปขอเพื่อนติดตั้ง คือ บ้านเพื่อนเขานั่นเอง

2. เหตุผลอะไรที่เขาต้องมาติดกล่องส่องบริเวณนี้ ทั้งที่บ้านอยู่ด้านบน ซึ่งรถเขาก็ไม่ได้จอดตรงที่ส่องกล้องเลย บ้านคู่กรณี ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพื้นที่ตรงนี้เลยแม้แต่น่อยแล้วติดส่องอะไรถ้าไม่ใช่บ้านเรา

3. ถ้าจะบอกส่องความปลอดภัย กล้องตรงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านเราก็เป็นกล้องเขาก็น่าจะพอในความปลอดภัย

4. เราเดินไปดูเลนส์กล้องแล้วจึงมั่นใจว่าส่องบ้านเราแน่นอน  เพราะมั่นใจถึงกล้าพูดออกมา ( ขอไม่ลงรูป )

          จากรูป วงแดง คือกล้องบ้านคู่กรณี 2 ตัว / กรอบน้ำเงิน บ้านคู่กรณีและรถก็นำไปจอดแนวรั้วบ้านตัวเองแล้ว เพราะคำสั่งศาลไม่ให้จอดบังประตูบ้านเรา ( เป็นใครก็ งง ติดส่องอะไร ) ถ้าขโมยขึ้นบ้านคงไม่ต้องสงสัย คงจับไม่ได้ เพราะกล้องส่องความปลอดภัยอยู่หน้าบ้านเราหมด 

           กล้องส่องจะได้มุมบ้านเราประมาณนี้ ณ ตอนนี้เราได้นำหญ้ามาปิดแนวรั้วบ้านเราทั้งหมดแล้ว ก็อย่างว่า เราแต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อย คงไม่สะดวกจริงถ้ากล่องจะส่องเข้ามาชั้น 2 ของบ้าน และกล่องคู่กรณีก็เน้นบ้านเราหมุนไปหมุนมาเห็นทั้งหลัง คงจะแย่ถ้าไม่ได้ออกไปหน้าบ้านเลย คืออารมณ์ประมาณ มีโรคจิตคอยมองตลอด แจ้งนิติก็คงจะเหมือนเดิมแบบที่ผ่านๆมา

                เราขอลงข้อมูลพอประมาณ ลงทั้งหมดคงไม่ไหว เยอะมาก มีทั้งรูป ทั้งคลิป VDO เราก็บอกไม่ได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก เรามาที่นี่ เพื่อต้องการหาที่สงบทำงานไม่ต้องการความวุ่นวาย เพราะงานของเรา เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ ซึ่งต้องให้ความ ครีเอท และต้องวางแผน ใช้ความคิด มาเจอแบบนี้ก็ทำงานลำบากมาก คิดงานไม่ออก ปล .กระทู้เราอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่อ่านไม่มากก็น้อย โลกนี้สอนให้เรารู้ว่า คนแบบนี้ก็มีในโลกด้วยและเราไม่เคยเจอมาก่อนแปลกใหม่สำหรับเราเป็นอย่างมากและอีกข้อ คือ คนเราอยากพูดอะไรก็ย่อมพูดได้เพื่อทำให้ตัวเองนั้นดูดีในสายตาคนอื่น แต่ สู้ รูปภาพ , VDO ไม่ได้ ถ้าคิดว่าผิดก็เอารูปและหลักฐานมายืนยันกันไปไม่ใช่กล่าวหากันโดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย แล้วมาบอกว่าเราเป็นคนทำ คุณโรคจิต จะสร้างสถานการณ์อะไรขึ้นมาก็ได้ แต่ เราต้องคุยกันด้วย กฎหมาย คุยกันด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ สถานการณ์ที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อมาใส่ร้ายคนอื่น สุดท้าย ขอบคุณพื้นที่ pantip ในการระบาย

หลังจากที่ลงกระทู้ไปก็มีสมาชิกหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็น

อ่านแล้วหงุดหงิดแทน

เหนื่อยใจ

           เห็นแล้วก็คงหงุดหงิดไม่เบาเลยนะคะ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็คงจะไม่พอจเพื่อนบ้าน  ไม่มีใครอยากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ใครที่มีคำแนะนำเจ้าของกระทู้ก็ช่วยชี้ทางหน่อยนะคะ คงลำบากใจน่าดู ส่วนเรื่องนี้ก็ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณ และให้เจ้าของกระทู้มีสตินะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก:  พูดเป็นหนังการ์ตูน