สาวไทยอยากเลี้ยงสัตว์ในเยอรมัน แต่กฎหมายเข้มงวดสุดท้ายได้ปลูกต้นไม้1ต้น

      ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ Pattamon Wongrattana  ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องการเลี้ยงสัตว์ในประเทศเยอรมัน ที่มีกฏหมายเข้มงวดมากๆ เจ้าตัวเลยลองศึกษาข้อมูลดู สุดท้ายเลยได้แค่เลี้ยงต้นไม้ 1 ต้นไว้ในห้องโดยจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า 

      #เยอรมันนี่มันเยอรมันจริงๆ ประมาณ 3 ปีก่อน เราเคยสมัครงาน "พาหมาไปเดินเล่น" ในนิวยอร์ก หน้าที่ก็คือไปรับหมาจากบ้านเจ้าของไปเดินเล่นออกกำลังกาย เก็บอึ เอนเตอร์เทนมัน แล้วก็พามันกลับบ้าน คือเป็นงานในฝันมาก 555 แต่ตอนนั้นสมัครแล้วไม่ได้ เพราะเขาอยากได้คนที่อยู่กับหมาได้นานๆ แบบเกิน 6 เดือน เพื่อให้มันคุ้นเคยกับเรา ก็เลยชวดไป 

     ทีนี้พอมาเยอรมัน ก็คุยกับเพื่อนตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยว่า จะหางานพาหมาไปเดินเล่นได้ที่ไหน อยากทำเหลือเกิน เพื่อนก็เบรกอย่างเร็วเลยว่า "ไม่มีหรอก คนเยอรถ้าเลี้ยงหมาเขาก็พาหมาไปเดินเอง เขาคิดมาแล้วว่าถ้าจะมีก็ต้องดูแลเองได้ ไม่จ้างใครมาดูแลให้หรอก"

      โอเค จ๋อยมันตั้งแต่วันแรก แต่ไม่หมดหวังนะ อุตสาห์ไปหาข้อมูล adopt หมาต่างๆ นานา แต่ยิ่งดูก็คือยิ่งท้อ #เยอรมันนี่มันเยอรมันจริงๆ here's why…

      อย่างที่รู้ๆ กัน เยอรมันเป็นประเทศที่มีกฏเข้มงวดกับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเลี้ยงหมาคือต้องมีใบรับรองจริงจัง แถมต้องจ่ายภาษีหมาหรือ dog tax ที่แพงมาก ต่อให้ไป adopt มา ก็จะได้ยกเว้นภาษีแค่ปีแรก แล้วไม่ใช่จะ adopt ได้ฟรีๆ เพราะต้องจ่ายค่า adoption ประมาณ 200 กว่ายูโร หรือเกือบๆ เจ็ดพันบาท แล้วก็ต้องสอบสัมภาษณ์ละเอียดยิบว่าบ้านกว้างเท่าไหร่ มีสวนไหม มีที่ให้หมาวิ่งไหม ทำงานกี่โมงถึงกี่โมง อ๋อแล้วก็ต้องซื้อประกันให้หมาด้วย ไม่ใช่แค่ประกันสุขภาพ แต่มันชื่อว่า Hundehaftpflichtversicherung (บ้าเอ้ย คำเยอรมันคือเหมือนมีคนเผลอเอานิ้วไปไถคีย์บอร์ดอะ) ที่ถ้าเกิดว่าหมาของเราไปสร้างความเสียหายในที่สาธารณะหรือไปทำร้ายใคร ประกันนี้ก็จะจ่ายให้ 

      สรุป งานพาหมาไปเดินก็ไม่มี เรื่อง adopt นี่อย่าหวัง 5555 ค่าหมาคือแพงกว่าค่าเรียน

ต่อมา แมวอันนี้ไม่ได้หาข้อมูลเอง ​

        แต่ฟังจากเพื่อนคนนึงที่อยู่เยอรมันมาพักใหญ่แล้วพีคมาก เพื่อนคนนี้อยาก adopt แมว เพราะมันง่ายกว่าและถูกกว่าหมา แต่ทางสถานรับเลียงบอกว่า ถ้าจะรับเลี้ยงแมวเด็กต้องรับไป 2 ตัวนะ ห้ามรับตัวเดียว ไม่งั้นมันจะเป็นโรคซึมเศร้า

       งือออ น้องงง คือเขาแคร์ด้วยว่าน้องแมวอยู่ตัวเดียวแล้วจะเหงาเป็นโรคซึมเศร้าาา แล้วเพื่อนบอกด้วยว่าเขาพูดจริงจังเพราะมันผลการศึกษารับรองจริงๆ ว่าถ้าแมวมันโตมาตัวเดียวจะเหงาและมีผลต่อสุขภาพจิต ถ้าอยากรับเลี้ยงแมวตัวเดียวจริงๆ ต้องรับแค่แมวแก่เท่านั้น ฮ่าๆ รูก

เอ้า แล้วเลี้ยงปลาล่ะ มันน่าจะง่ายที่สุดแล้วไหม 

      ม้ายย วันนั้นไปหาข้อมูลขำๆ ว่าเลี้ยงปลาต้องทำไงบ้าง ปรากฏว่าเราไม่สามารถเดินดุ่มๆ เข้าร้านขายปลาแล้วไปซื้อมาได้เลยนะ แต่ต้องเตรียมตู้ปลาที่บ้านก่อน (ต้องไซส์เหมาะสมกับปลาที่เลี้ยงด้วย) ต้องมีต้นไม้น้ำ ใส่น้ำลงไป รอ 2-3 วันให้น้ำใส แล้วเอาน้ำใส่ขวดไปให้ร้านขายปลาเช็คว่าคุณภาพน้ำดีพอสำหรับปลาหรือยัง ถ้าพวกค่า pH อะไรงี้ไม่ผ่าน เขาจะยังไม่ขายปลาให้เรา ต้องไปทำให้นำปลอดภัยจริงๆ ก่อนแล้วมาใหม่

      ก็คือน้ำสำหรับปลาในเยอรมันยังสะอาดกว่าอากาศในกรุงเทพฯ อีก แง คิดแล้วเศร้า ตัดภาพไปแถวบ้านคือเวลาจะซื้อปลาก็จับโยนใส่ถุงร้อน หมุนๆ รัดหนังยาง ตัวละ 5 บาท 10 บาท แงงงง 5555 ยิ่งงานวัดที่เอากระชอนกระดาษทิชชู่ช้อนปลานี่ โอ้ยยย ลูกเอ้ย ประเทศฉันบันเทิงเหลือเกิน #ไทยนี่มันไทยจริงๆ

      สรุปคือตอนนี้มาจบที่การเลี้ยงต้นไม้ 1 ต้น แต่บอกเลยว่าจริงจังงง เลี้ยงแบบเยอรมัน ดูแลใส่ใจ กลัวน้องตายแบบตอนอยู่ออฟฟิศ แง ถ้ามีประกันสุขภาพต้นไม้คงต้องซื้อแล้วอะ

      ซึ่งจากเรื่องราวนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความรู้ใหม่ที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อน ใครที่มีแผนจะไปอยู่เยอรมันก็เตรียมตัวไว้นะคะ เพราะกฎหมายที่นู้นเค้าเข้มจริงๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับสัตว์ เพราะทุกชีวิตนั้นก็มีค่าจริงๆ

ขอขอบคุณที่มาจาก : Pattamon Wongrattana