เงิน 199 บาท สามารถทำให้หนึ่งชีวิตได้มีรอยยิ้ม กินอิ่มเหมือนเพื่อนได้

            เป็นเรื่องราวที่เห็นแล้วยิ้มตาม และต้องชื่นชมสำหรับผู้ที่ใจดีแบบนี้ เมื่อโลกออนไลน์มีการเผยแพร่เรื่องราวของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง และหนูน้อย3คน ที่มานั่งทานหมูกระทะ แต่คู่รักมองไปเห็นว่า มีเด็กคนหนึ่งนั้งรออยู่ด้านนอก โดยมองดูเพื่อนทั้งสองคนกิน จึงสงสัยและได้ทราบว่าน้องอีก 1 คน มีเงินไม่พอ จึงไม่สามารถเข้ามานั่งกินกับเพื่อนบ้าน โดยเจ้าของร้านได้ถ่ายทอดเรื่องผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวว่า 

            คนดีๆในสังคม #คุณคือคนที่เราไม่อาจลืม ท่ามกลางข่าวโศกเศร้าเหตุกราดยิงที่โคราช ก็ยังมีเรื่องราวดีๆให้เราได้พบเห็น ในขณะที่เรากำลังไล่เรียงคิวลูกค้าลง และคอยมองโต๊ะว่างเพื่อจัดคิวลูกค้าต่อไปมาลง ลูกค้าสองท่านนี้ได้เรียกให้เรามาเช็คบิล โดยที่ลูกค้าผู้ชายได้กระซิบถามเราว่า น้องโต๊ะนั้นเค้ามากับใคร (โต๊ะเด็กผู้ชายซึ่งตอนแรกน้องเสื้อเหลืองไม่ได้มานั่ง) เราเลยตอบไปว่า อ้อ…เค้ามากันเองค่ะ ลูกค้าจึงบอกกับเราว่าแล้วอีกคนนึงหล่ะ (หมายถึงเด็กผู้ชายเสื้อเหลือง) เราก็นึกได้ อ้อ…ใช่ๆค่ะเค้ามาด้วยกัน ลูกค้าจึงบอกเราว่าผมได้ยินเค้าคุยกันว่าเงินไม่พอกิน ช่วยเค้าได้ไหมครับ พอเช็ครายการบนโต๊ะลูกค้าเสร็จเราเดินไปถามน้องว่าทำไมเพื่อนไม่มาทานด้วย เงินขาดเท่าไหร่ครับ เราก็อยากช่วยในส่วนที่ทำได้ แต่…ทันทีที่เราเดินกลับมาที่โต๊ะลูกค้าสองท่านนี้ ลูกค้าบอกให้คิดเงินรวมน้องอีกคนไปเลยนะครับ (น้องเสื้อเหลือง) เรานี่แบบ เฮ้ย! ทำไมลูกค้าเป็นคนดีจัง ถึงแม้จะเป็นเงินเพียง 199 บาท แต่คุณรู้ไหม เงิน 199 บาทนี้สามารถทำให้หนึ่งชีวิตได้มีรอยยิ้ม ได้มีโอกาสมานั่งกินกับเพื่อน ได้อิ่มท้อง ชนิดที่แบบไม่อั้น คุณรู้ไหมว่ามันมีความสุขขนาดไหน ถ้าคุณเคยไม่มีแบบเพื่อนตอนเด็กๆคุณจะเข้าใจความรู้สึกนี้ว่ามันวิเศษแค่ไหนเราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร เราไม่รู้ว่าคุณมาทานบ่อยไหม เราไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาอีกไหม #แต่คุณคือคนที่เราจะไม่มีวันลืมค่ะ #ขอยกย่องสิ่งที่คุณทำ #ขอให้ชีวิตคุณมีแต่สิ่งดีๆตลอดไป ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณแทนน้องจริงๆ

ปลื้มแทน

ชื่นใจแทนน้องที่เจอคนดีๆแบบนี้

ขอบคุณแทนน้อง

             อ่านแล้วชื่นใจแทนน้องๆและดีใจแทนน้องๆที่ๆด้เจอคนใจดีแบบนี้ เงิน 199 บาท สามารถช่วยให้เด็กคนหนึ่งได้กินอิ่มเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ และสามารถสร้างความสุขให้กับผู้ที่ได้รับฟังเรื่องราวดีๆนี้ได้  ขอให้ทั้งคู่เจอแต่เรื่องดีๆ เหมือนกับที่คุณทำให้เกิดเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก: อรวิภา ทองถาวรวงษ์