เป็นอีกหนึ่งบุคคลผู้คร่ำหวอดในวงการเลยทีเดียวค่ะ สำหรับ อาร์ม อิสระ อดีตนักข่าว สู่ผู้เขียนบทละครชื่อดัง ซึ่งเขาเองก็ได้ฝากผลงานเอาไว้มากมาย รวมถึงเคยออกมาเคลื่อนไหวถึงเรื่องราวต่างๆในวงการบันเทิง
ล่าสุด เจ้าตัวได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องของ "ลุงพล" โดยได้ร่ายยาวฝากถึงลุงพล ระบุว่า
"ขอบคุณทุกแชร์ ทุกความเห็นในคอมเมนท์โพสต์ข้างล่าง ผมเขียนบทวิเคราะห์ข่าวนี้ขึ้นมาจากประสบการที่ทำงานสื่อมวลชนมากว่า 35 ปี มันเป็นเรื่องจริงที่คนปกติ คนธรรมดา มักจะไม่เข้าใจ สื่อมวลชน ก็เป็นคน เป็น ปุถุชนธรรมดา มีโกรธ เกลียด และรัก เช่นเดียวกับทุกคน แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ก็คือ "การให้เกียรติกัน"
ผมทำงานข่าวทุกอย่าง ทุกรูปแบบ นักข่าวสงคราม ข่าวอาชญากรรม และสกู๊ปข่าวทั่วไป มาจนถึงข่าวบันเทิงที่เป็นอาชีพของผมในช่วงวัยสุดท้ายก่อนที่จะรีไทร์จากวงการข่าวมาเขียนบทละครโทรทัศน์ในวันนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรารู้ว่าจะต้องเล่นกับข่าวอย่างไร แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีจรรยาบรรณที่จะปกปิดแหล่งข่าวไม่ให้เป็นอันตราย นักข่าวต่างประเทศบางคนยอมตาย แต่จะไม่ยอมเปิดเผยแหล่งข่าวของเขา อย่างที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์นั่นก็คือเรื่องจริง
ผมมาทำข่าวบันเทิง เรา " นักข่าว" กับ "ดารา" หรือ "นักแสดง" จะเป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะตามติดเจาะข่าวคนนั้นคนนี้ แต่ในความจริงแล้ว เรามีไมตรีที่ดีต่อกัน ไม่เล่าข่าวกันจนถึงตาย หรือเล่นกันจนชิบหายไปข้างหนึ่ง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
พูดง่ายๆ ต่อให้เขียนติติงกัน กัดจิกกันแรงๆ แต่เจอหน้ากันก็ทักทายกันดีอยู่ เพราะนักข่าวเองก้รู้ว่า ถ้าไม่มีข่าวของดารา พวกเขาก็อยู่ไม่ได้ ดาราเองก็เช่นกัน ถ้าหากไม่มีพวกพี่ๆเขียนข่าวถึง พวกเขาก็อยู่ไม่ได้ ไม่มีกระแส ไม่มีคนเชียร์ มันก็ไม่ดัง
แต่ "ลุงพล" ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่คนดัง หากเป็นแค่ "ผู้ต้องสงสัย" เท่านั้น วันหนึ่งเมื่อสื่อมวลชนเล่นข่าว จนกลายเป็นกระแสขึ้นมา จนทำให้มีคนสนใจ และเขากลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาชั่วแค่ข้ามคืน เพราะสื่อ "สร้างภาพ" ของเขาให้ดูน่าสงสาร เป็นเหมือนแพะ ที่กำลังถูก "รุม" ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น "ผู้ต้องสงสัย" ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ "พ่อแม่" ของเด็กที่ตาย
ถ้าจะพูดไปแล้ว "พ่อแม่น้องชมพู่" ต่างหาก ที่สังคมจะต้องสงสาร และเมตตาที่เขาต้องสูญเสียลูกไป แต่เพราะอะไร ทำไมสังคมจึงเทใจไปให้ "ลุงพล" เพราะคนเชื่อตามที่นักข่าวพูดถึง
"ลุงพล" เป็นแค่หุ่นเชิดของละคร "กกกอก เดอะ ซี่รี่ส์" เท่านั้น ความจริงข่าวจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามความของคดีความ แต่ในช่วงนั้น ลุงกลายเป็นกระแส มีคนดังหลายคนออกไปปกป้อง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ถนัด แต่ความฉลาดของตำรวจไทย รอให้กระแสหาย รอให้ ผู้ร้ายตายใจ และเมื่อถึงตอนนั้ขเาก็จะเช็คบิลได้อย่างง่ายดาย เพราะอะไรต่างๆมันจะเริ่มโผล่ขึ้นมา
ถ้าผมเป็นลุงพล ผมจะไม่ทำกริยาเหมือนอย่างเช่นในวันนั้น เพราะคุณคือ "หุ่น" ที่เขาเชิดขึ้นมาเพื่อเรียกเรตติ้ง คุณไม่ใช่คนดังจริงๆ ไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ดารา แต่อย่าลืมว่า คุณยังเป็น "ผู้ต้องสงสัย" ของคดีนี้ ทางที่ดี คุณควรที่จะมี "มิตร" เอาไว้ดีกว่า อย่าไปสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะ "สื่อ" ที่สร้าง" คุณให้มีตัวตน ให้ทุกคนได้รู้จัก

เสียดายที่ลุงพลผลักไสคนที่เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร อย่าง "อุ๊บ วิริยะ" (วิริยะ พงษ์อาจหาญ) เขาเป็นนักปั้น เขาปั้นดารามาแล้วมากมาย เขาเคยเจอกระแสทั้งโจมตี ชื่นชมมาตลอดเวลาการทำงานในวงการนี้กว่าสามสิบปี เขารู้ดีว่า จะต้องหลบหลีกและตั้งรับอย่างไร ถ้าลุงพลยังมีเขาไว้ข้างกาย เขาก็รับมือกับสื่อหรือปัญหาที่จะตามมาต่างๆได้อย่างสบาย
"หมอปลา" ( หมอปลาช่วยด้วย) เป็นคนดัง มีสตางค์ มีเพื่อนเป็นสื่อมวลชนมากมาย เขาสามารถที่จะสนับสนุน ปกป้องลุงพลได้ ทั้งจากเรื่องกฎหมาย การต่อสู้คดี และข่าวที่เสียๆหายๆ หมอปลาก็สามารถที่จะคลี่คลายได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงได้ผลักไสคนเหล่านี้ออกไป ทั้งๆที่คนเหล่านั้น คือ "มหามิตร" ที่ดี ที่พร้อมจะแอ่นอกรับทุกเรื่องที่โถมเข้ามาให้
ทันทีที่ทุกคนเดินจากไป คดีนี้ตำรวจก็ทำง่ายขึ้น สบายๆ แต่คนที่จะลำบากก็คือลุงพลเอง พวกยูทูปเบอร์ ไม่มีทางช่วยอะไรลุงได้ เพราะพวกเขาเข้ามาเพื่อหายอดวิวจากการถ่ายลุงลงยุทูป แต่วันไหนที่ลุงมีปัญหา เชื่อเถอะว่า ลุงจะต้องยืนอยู่ตามลำพังคนเดียว สู้คนเดียว และเงินที่ได้มาจากคนที่เขาบริจาคให้ก็จะต้องหมดไปโดยไว ด้วยเรื่องอะไร อีกไม่นานก็รู้
ผมเป็น "สื่อมวลชนอาชีพ" ชีวิตผมก็คือการทำข่าว ผมอ่านข่าวทุกข่าวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อ่านเกมออกหมด ว่าเมื่อเสนอข่าวแบบนี้ไป แล้วอะไรจะเกิดขึ้น การที่เราจะเขียนสร้างใครขึ้นมาสักคน มันไม่ยากหรอก แค่เขียนถึงด้านดี ไม่เขียนถึงด้านลบ ของคนๆนั้นขึ้นมาให้คนอื่นได้เห็น คนๆนั้นก็เป็น "เทวดา" ในสายตาคนอื่นได้แล้ว
เหมือนเราจะสร้างพระขึ้นมาสักรุ่น อยากทำให้ขลัง ทำอย่างไร ? รถคว่ำ คนตาย มีคนรอดตาย แล้วแขวนพระองค์นั้นไว้กับคอ เราก็พอพูดถึงเขา พูดถึงพระที่แขวน พระรุ่นนั้นก็ดัง มีการสร้างกระแสขึ้นมา แต่อย่าลืมสิว่า ในรถคันนั้นยังมี "คนตาย" อยู่ด้วย ในความจริงคนตายคนนั้น อาจจะแขวนพระรุ่นเดียวกันก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่เขียนถึง ใครจะรู้ นี่คือเทคนิคการสร้างพระขึ้นมาให้คนนิยม ชื่นชมว่า "ขลัง"
กระจกมีหลายด้าน เราสามารถมองเงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่า เรามองในมุมไหน แง่ใด เช่นเดียวกับการสร้างคนๆหนึ่งขึ้นมาให้เป็นที่รู้จักรักใคร่ ถ้าเราเขียนถึงด้านดี ความน่ารักของเขา ชื่นชมว่าเขาหล่อ นิสัยดี อย่างนั้น อย่างนี้ เดี่ยวคนก็ชื่นชมคลั่งไคล้
แต่ถ้าวันไหนที่เรานำเสนอมุมมองอีกด้านของเขาขึ้นมา หยิ่ง จองหอง ทะนงตน พูดจาไม่ดี ไม่มีสัมมาคารวะ ว่ากันไปถึงการเนรคุณคุณ จนถึงตอนนั้น คุณคิดว่า จะยังมีคนรัก คนชื่นชมอยู่อีกมั้ย "สื่อมวลชน" ไม่ใช่เทวดาที่จะสร้างใครให้เป็น "เทพ" ได้ เขาเพียงแค่เสนอมุมมองในสายตาของเขา ออกไปสู่ประชาชน
วันนี้ เขานำเสนออย่างนี้ อีกวันหนึ่ง เขานำเสนออย่างนั้น มันคือ "สิทธิ์" ของเขา ตราบใดที่ยังคงอยู่ใน "ความเป็นจริง" ไม่ได้เสนอข่าวบิดเบือน เขาก็ไม่ผิดในเรื่องจรรยาบรรณ เพราะมันคือ "มุมมอง" ของข่าวแล้วแต่ว่าเขาจะนำเสนอ
เขาอยากเปิดเผย "ด้านดี" หรือว่า "ด้านมืด"ของคนที่เป็นข่าว ตราบใดที่ยังไม่ล้ำเส้นเกินไป เขาก็มีสิทธิ์ทำได้ วันนี้เขาถามเรื่อง "ภาษี" ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลย เพราะเขาแกล้งมองข้ามไป ไม่อยากจะสนใจ แต่เมื่อวันนี้ คุณทำจองหองกับเขา เขาก็จะถามเรื่องนี้ ขึ้นมาทันที
คิดว่าเขาทำได้มั้ย " เขาทำได้ " เพราะนั่นมันคือ "ข่าว" ที่คนต้องสนใจ ต่อไปนี้เขาจะไม่สนความดังของคุณล่ะ แต่เขาจะพยายามหาช่องทางขุดคุ้ยทุกเรื่องไม่ดีที่คุณทำเอาไว้ เรื่องใดที่หมิ่นเหม่ต่อ "กฎหมาย" รับรองว่าเขาจะลากไส้คุณออกมากอง ให้ทุกคนได้เห็น เขาทำได้มั้ย " เขาทำได้" เพราะนั่นมันคือ "ข่าว" ที่คนต้องสนใจ
นี่คือการทำงานของ "สื่อมวลชน" โดยเฉพาะ สื่อที่กัดติดไม่ปล่อย เขาทำได้มั้ย "เขาทำได้" เพราะนั่นมันคือ "หน้าที่" ของเขาครับ สื่อมวลชนที่ดี และเก่งเขาจะสามารถหยิบยกทุกเรื่องมาเป็นข่าวได้
คุณไม่ตอบคำถามนักข่าว เขาก็เอามาเป็นข่าวได้ แม้แต่คุณปิดบ้าน ไม่ยอมให้ใครเข้าไป เขาก็เอามาเป็นข่าวได้ หรือต่อให้คุณหลบหน้า หายตัวไป เขาก็หยิบมาเป็นข่าวได้
ทุกอย่างมันคือข่าว ต่อให้ไม่ทำอะไร ก็เป็นข่าวได้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อผมหรือไม่ 35 ปี บนเส้นทางการทำข่าวของผม จากนักข่าว จนมาเป็นบรรณาธิการข่าว เชื่อเถอะว่า ผมอ่านเกมออก บอกได้เลยว่า นับจากนี้ไป มีแผลตรงไหน แมลงก็จะตอมที่ตรงนั้น
มันคือ "ข่าว" ที่เราเขียนได้หมด โดยขึ้นอยู่กับมุมมองของนักข่าวและบรรณาธิการของเขา นี่แหละคือการทำงานของสื่อที่แท้จริง สื่อมวลชนคือ "ฐานันดรที่4" ถ้าคุณรู้ว่าประโยคนี้หมายถึงอะไร และมาจากไหน คำพูดของใคร แล้วคุณจะหนาว….อาร์ม อิสระ ( อาคม อาษาชำนาญ ) #สื่อมวลชน #ลุงพล #คดีน้องชมพู่ #ฐานันดรที่4 #อย่าเนรคุณสื่อ"
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต

—
—

เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมาพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งก็เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นจากคนที่คุ้นเคยกับวงการนี้เท่านั้น
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : tkvariety.com, ขอขอบคุณที่มาจาก : อาร์ม อิสระ