อนุมัติให้นำศพทำเป็นปุ๋ยต้นไม้ได้ เพื่อลดการเผาฝัง ช่วยอนุรักษ์โลก

          เมื่อพฤษภาคมปีที่ผ่านมา รัฐวอชิงตันเป็นที่แรกในสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้ประชาชนใช้ร่างศพทำเป็นปุ๋ยธรรมชาติอย่างถูกกฎหมาย ที่เรียกว่า Human Composting ปุ๋ยมนุษย์ช่วยให้ต้นไม้เติบโต โดยวิธีนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำศพอีกด้วย ซึ่งจะเริ่มเป็นผลในเดือนพฤษภาคม 2020

          โดยกระบวนฝังธรรมชาตินี้ เป็นการฝังร่างมนุษย์เข้ากับวัสดุธรรมชาติอย่างไม้สับ ฟางข้าว จะทำให้ร่างกายของเราเมื่อตายไปแล้วให้กลายเป็นปุ๋ยดินอย่างรวดเร็วภายใน 3 ถึง 7 สัปดาห์ อันเป็นทางเลือกที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการฝัง หรือการเผา ซึ่งจะทำให้ร่างกายหลังจากเราตายนั้น ได้เลี้ยงดูและทำให้เกิดชีวิตใหม่อย่างต้นไม้ พืช ผัก ให้เติบโตได้

          นอกจากนี้กฎหมายนี้ยังรวมถึงการอนุญาตการจัดการศพด้วยวิธีเผาเตาน้ำ Alkaline Hydrolysis หรือ Water Cremation โดยวิธีการหลักๆ คือนำร่างกายของเราเข้าไปอยู่ในเตา ซึ่งด้านในจะมีน้ำและสารเคมี Potassium hydroxide บวกกับใช้ความร้อนราวๆ 200-300 องศา ที่ช่วยละลายร่างกายถูกละลายหายไปเหลือเป็นโครงกระดูกภายในเวลาราวๆ 12 ชั่วโมง โดยการละลายนี้ ไม่ได้ทำให้ร่างกายทั้งหมดมันหายไปหรอกนะ คือยังเหลือกระดูกอยู่เหมือนเดิม แต่ข้อสำคัญคือ มันยังจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาศพ และทิ้ง carbon footprint ไว้ในปริมาณนี้น้อยกว่า

         นอกจากนี้ยังมีการทำโลงศพแคปซูลต้นไม้โดยดีไซเนอร์ชาวอิตาลีเรียกว่า Capsula Mundi รูปทรงไข่ ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ เมื่อฝังลนดินแล้วจะย่อยสลายทำให้ร่างกายกลายเป็นปุ๋ยอีกด้วย

หีบศพรูปไข่ ย่อยสลายได้ ทำให้เรากลายเป็นปุ๋ย เติบโตเป็นต้นไม้

จะเป็นเช่นนี้

            เราเลือกเกิดไม่ได้…แต่เลือกวิธีลาโลกได้! มีคนเทพชาวอิตาลีสองคน ได้คิดค้นโลงศพที่ชื่อว่า “Capsula Mundi” (อ่านว่า แคปซูล่า มุนดิ) เป็นโลงศพรูปแคปซูล หรือทรงไข่ ทำจากวัตถุที่ย่อยสลายได้ง่าย พอฝังลงในดินแล้ว เปลือกนอกจะย่อยสลายจากนั้นส่วนอื่น ๆ รวมไปถึงร่างกายของเราก็จะกลายเป็นสารอาหาร เป็นปุ๋ยให้แก่ต้นไม้

ขอขอบคุณที่มาจาก: Environman