หนุ่มแชร์ประสบการณ์เข้า Hospitel ไม่แออัดอย่างที่คิด ขออย่ากังวล

         หนุ่มแชร์ประสบการณ์ ป่วยโรคระบาด เนื่องจากตอนนี้การกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โรงพยาบาลหลายแห่งมีเตียงไม่เพียงพอ จึงมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและโรงแรมเป็นโรงพยาบาลกักตัว (hospitel) ในหลายพื้นที่ เพื่อรองรับผู้ป่วย  ล่าสุด (18 เมษายน 2564) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kannapong Pura ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดโรค

          ได้อัปเดตอาการ 7 วัน หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคําแหง และได้ย้ายไปรักษาต่อใน Hospitel ระบุว่า อาการไอ ดีขึ้นมากจนหายแล้ว เหลือแค่เสมหะเล็กน้อย ตอนนี้การได้กลิ่น รับรสชาติ ก็ยังปกติ ไม่เคยหายไปเลย

         หลังจากย้ายเข้ามายัง Hospitel ที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ ย่านบางบอน พบว่าสะดวกสบายกว่าอยู่โรงพยาบาลมาก ที่นอนก็นุ่มกว่า แต่การกักตัวมันก็อึดอัด ต้องอยู่แต่ในห้องกับใครที่ไม่รู้จักมาก่อน โชคดีที่เจอคนที่นิสัยดี ต่างคนต่างก็ไม่รบกวนกัน

          เมื่อเข้าโรงพยาบาลมารักษาโควิด  เขาจะโฟกัสที่ปอด ว่าในแต่ละวันเชื้อลงปอดไหม และมีอาการแทรกซ้อนอะไรบ้าง จะไม่มีการให้ยารักษาโควิด  เพราะไม่มี ทุกคนจะได้รับการรักษาตามอาการ ไอก็รับยาแก้ไอไป มีไข้ก็รับยาลดไข้ไป และส่วนใหญ่คนที่เป็นหนัก ๆ จะมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ฯลฯ ส่วนตัวเองนั้นไม่มีโรคประจำตัวนอกจากภูมิแพ้อากาศ บวกกับการออกกำลังกายที่ผ่านมา ก็คิดว่าก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เยอะ

         หลังจากนี้พอครบ 14 วัน ก็จะต้องตรวจโควิดแบบ Swab อีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าผลเป็นลบ ถึงจะกลับบ้านได้ สิ่งที่อยากจะบอกคือ อยากให้ทุกคนรู้จักอาการของโรคให้มากขึ้น ที่สำคัญ เมื่อเกิดการระบาดแล้วมีตัวเราเกี่ยวข้องอยู่ในนั้น เราต้องรู้ว่าเราอยู่ในกลุ่มไหน เสี่ยงมาก เสี่ยงต่ำ เสี่ยงต่ำมาก หรือแค่กังวลไปเอง

          ก่อนจะประเมินว่าเสี่ยงแค่ไหน ต้องมีการยืนยันก่อนว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ซึ่งเราใกล้ชิดกับคน ๆ นั้นมาก แบบไม่ใช่แค่เดินผ่าน ต้องยืนเมาท์กันไฟแลบจริง ๆ และนับเฉพาะผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่คนรอบข้างของผู้ติดเชื้อ เพราะคนนั้นยังไม่เกี่ยว

สำหรับคนที่เสี่ยงมาก ได้แก่

– คนที่พูดคุยใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อแบบไม่ใส่แมสก์

– กินข้าวร่วมกัน ไม่ใช้ช้อนกลาง

– กินน้ำ กินเหล้า แก้วเดียวกัน เป็นต้น

         คนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง เพราะสัมผัสโดยตรง หลังจากรู้ว่าคนที่เราใกล้ชิดติดเชื้อ แล้วเราเสี่ยงมาก ให้รออีก 5 วันค่อยไปตรวจ โดยต้องสังเกตอาการตัวเองด้วยว่ามีไข้ ปวดเมื่อยหรือเปล่า ถ้ายังไม่มี ก็ไม่ต้องกังวล เราอาจไม่ติดก็ได้ แต่ถ้าติดแบบยังไม่ครบ 5 วัน แล้วไปตรวจ ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เจอเชื้อแล้วต้องมาตรวจใหม่อยู่ดี

          ถ้าแค่เดินผ่าน ทำงานห้องเดียวกัน ชั้นเดียวกัน คุยกันห่าง ๆ แบบใส่แมสก์ หรือสัมผัสตัวกัน ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะติด อย่ากังวล มันจะเครียดและป่วยเป็นโรคอื่นแทน เรื่องค่ารักษาพยาบาล เสียแค่ค่าตรวจ 3,000 บาท พอเจอเชื้อ โรงพยาบาลต้องรับรักษาฟรี[ads]

          ทั้งนี้ เขาขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ติดเชื้อ และคนที่อาจมีโอกาสติดเชื้อในอนาคต ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้น ตัวเขาเสียค่าตรวจแค่ 3,000 บาท ซึ่งเมื่อพบเชื้อ โรงพยาบาลก็ต้องรับรักษาฟรี

อัพเดทอาการ           

        เป็นความรู้ที่เราควรทราบไว้นะคะ ถึงแม้จะยังไม่ได้ก็ต้อง รู้วิธีป้องกัน และส่วนคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็อย่ากังวล เกินไปในเรื่องสถานที่กักตัว  ทำงานห้องเดียวกัน ชั้นเดียวกัน คุยกันห่าง ๆ แบบใส่แมสก์ หรือสัมผัสตัวกัน ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะติด อย่ากังวล มันจะเครียดและป่วยเป็นโรคอื่นแทน

ขอขอบคุณที่มาจาก: Kannapong Pura