สาวสักลายเรียนจบ ป.6ที่ใครๆก็ดูถูก สุดท้ายคว้าแชมป์ลาเต้อาร์ต 2สมัยซ้อน

         ลี่ ณัฏฐินี เจียรนันท์ สาวสวยเท่มีสไตล์ ที่สามารถลบทุกคำดูถูกว่าเธอไม่มีทางได้ดีไปกว่า แม่บ้าน เด็กปั๊ม สาวโรงงาน ฯลฯ จนสุดท้ายเธอสามารถคว้าแชมป์ Thailand National Latte Art Championship ปี 2018 และ 2019 มาครองได้ ซึ่ง ลี่ เริ่มต้นจากผู้หญิง ‘ผู้หญิงเชียร์เบียร์’ สู่ ‘สาวลาเต้อาร์ต’ ครอบครัวของณัฏฐินีพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เกิด เท่าที่จำความได้หลังพ่อเสียชีวิตแม่ก็ย้ายไปอยู่ที่จ.นนทบุรี ก่อนจะขาดการติดต่อเธอจึงใช้ชีวิตอยู่กับย่าเพียงลำพัง

        สองคนย่าหลานช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวที่บ้านย่านทวีวัฒนา ทุกๆ วันหลังจากเลิกเรียนจะมาช่วยเสิร์ฟ ล้างจานและเก็บร้านไม่เคยขาด แต่ในอีกมุมหนึ่งการเป็นหลานคนเดียวทำให้ค่อนข้างถูกตามใจ ถ้าเธอเลือกที่จะไม่ทำตามที่ย่าบอก ย่าก็จะเปิดโอกาสให้ลองทำในสิ่งที่อยากทำ “ย่าเขาก็บอกให้เรียนต่อ ช่วงที่แม่ขอไปอยู่ม.1 แต่ลี่คิดถึงย่าเลยกลับมา แต่มาช่วงกลางเทอม เข้าเรียนไม่ได้ เลยตัดสินใจไม่เรียนไปทำงานเลยดีกว่าเพราะเรียนจบยังไงก็ต้องทำงาน”

      จากรั้วการศึกษาสู่โลกคนทำงาน อายุ 15 ปี ผ่านทั้งงานแม่บ้าน เด็กเสิร์ฟร้านอาหาร พนักงานต้อนรับ สาวโรงงาน เสมียน แคชเชียร์ เด็กปั๊ม กระทั่งก้าวเปลี่ยนที่สำคัญเกิดขึ้นหลังจากทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์“ติดเหล้ามาก รู้สึกชีวิตมันอิ่มตัว อยากจะทำงานกลางวัน พอเพื่อนรู้ว่าว่างงานก็ชวนมาทำบาร์น้ำ ชงน้ำผลไม้ ชา กาแฟ แต่ก็ยังไม่ชอบหรือรู้จักลาเต้อาร์ต เพราะเด็กมหาลัยกินโกโก้ปั่น นมปั่น กาแฟปั่น มารู้จักหลังออกมาทำร้านฟองคำ แถวศาลายา

     “ลี่มีหน้าที่ชงเครื่องดื่มทุกอย่างแบบเดิม แต่จะมีทำขนมเค้ก วาฟเฟิล ไอติม ทำให้สนใจที่จะหัดทำขนม พอเปิดคลิปยูทูปดูมันก็รันไปเรื่อยๆ จนเป็นคลิปลาเต้อาร์ตของพี่ต๋อง (อานนท์ ธิติประเสริฐ) ตอนนั้นทึ่งมาก เขาทำได้ไง เราก็ลองทำบ้าง แต่ 2 วันผ่านไป ยังขึ้นไม่เป็นรูปอะไรเลย แค่ฟองนมยังหนาเป็นชั้นๆ” เสียค่ากาแฟและนมลองทำวันละ 10 กว่าแก้ว มองอนาคตคงเปลืองเปล่าๆ หากยังงมศึกษาเองแบบนี้ จึงตัดสินใจไปเรียนเพื่อรู้เบสิคพื้นฐานที่ถูกต้อง โดยอาจารย์คนแรกคือ ‘ผึ้ง-สุกาญจน์มณี คนกล้า’

     “เสิร์ชกูเกิลหา เจอหลายคนที่เปิดสอน แต่เห็นพี่ผึ้งเขาเก่งมาก ลายคม ใบไม้สวย ทำรูปอะไรสวยหมดเลย พี่เขาก็สอนวิธีการเริ่มต้นควรทำอะไรก่อนเพื่อต่อยอดลาย กลับมาขึ้นรูปหัวใจทิวลิป ลายใบไม้ เสิร์ฟลูกค้าได้” “หลังจากย่าเสียคนมองว่าไม่มีใครสั่งสอนลี่ ยิ่งเราชอบรอยสักไปสักก็ทำให้เขายิ่งรังเกลียด ไม่ว่าจะเข้าไปด้วยบุคลิกภาพสุภาพแค่ไหน ผู้ใหญ่ก็รับไม่ได้ เขาจะบอกอนาคตจะทำงานอะไรดีๆ ได้ แก่ตัวไปจะทำยังไง”

     การถูกตัดสินทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตน ความสามารถ ทำให้ณัฏฐินีกลับมาคิดอยากเป็นคนมีรอยสักที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้โดยเปลืองพื้นที่โลก และอยากทำอะไรที่คนทำได้น้อยหรือทำไม่ค่อยได้ ความท้าทายจึงตกที่ลาเต้อาร์ต“วันหยุดไม่พัก ไปเข้ากลุ่ม ‘Thai Latte Art Club’ ขอฝากเนื้อฝากตัว ได้พี่ๆ โดยเฉพาะพี่บอส (ศิริเมธ ฤกษ์รัตนี) ช่วยสอน ทำอย่างนั้น2เดือน ได้ลงแข่งในงานเล็กๆ ที่จัดขึ้นในกลุ่ม ได้รองชนะเลิศ ได้ประสบการณ์เยอะมาก เทแม่นขึ้น การสะบัดข้อมือทำลายดีขึ้น ขึ้นลายรูปสวยขึ้น ลี่ก็เริ่มฮึกเหิม ฝึกทำวันละ 25 แก้ว เงินไม่พอซื้อกาแฟกับนมก็ขอยืมพี่ผู้จัดการก่อน เงินเดือนออกค่อยคืน”

      ณัฏฐินีลงรายการแข่งลาเต้อาร์ตทั้งเล็กและใหญ่ อย่าง  CP-Meiji Speed Latte Art ที่เป็นการแข่งขันประเภท smackdown ได้ที่ 2 ที่ 3 สลับกันไป และลงแข่งขัน Thailand National Latte Art Championship เวทีที่คัดเป็นตัวแทนแต่ละประเทศไปแข่งในระดับโลก แม้ตกรอบแรก แต่ก็ได้รับประสบการณ์จนผันตัวเองเป็นอาจารย์เปิดสอนหลังร้านประจำที่ทำปิดตัวลง อย่างไรก็ตามจากการทำเพื่อเอาชนะคำดูถูก ได้เปลี่ยนเป็นความชอบแทนที่และไม่สนหรือแคร์คำเหล่านั้นอีกต่อไป ณัฏฐินีจึงย้ายมาทำงานเป็นเทรนเนอร์ลาเต้อาร์ต บริษัท ยู ซี ซี อูเอะชิม่า คอฟฟี่ (ประเทศไทย) และเพียง 2 ปี ก็สามารถคว้าแชมป์ Thailand National Latte Art Championship ในปี 2018 เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งที่ประเทศเยอรมนี ขณะที่ในปีถัดมา 2019 ล่าสุดเธอก็ได้แชมป์อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2

     ซึ่งในฐานะลาเต้อาร์ตผู้หญิง เธอนับเป็นคนแรกที่ทำได้ โดยจะเป็นตัวแทนคนไทยไปแข่งรายการ World Latte Art Championship 2020 ที่ประเทศโปแลนด์ ในเดือนกรกฎาคม “เราใช้คำดูถูกขับเคลื่อนมันอาจสำเร็จช้าหรือไม่สำเร็จเลย เพราะทำเพื่อคนอื่น แต่ถ้าตั้งใหม่ว่าฉันทำเพื่อตัวฉันเอง ผลที่เหลือมันจะทำลายคำดูถูกพวกนั้นไปเองและสำเร็จเร็วกว่า”นอกจากประสบการณ์ชีวิตที่สกัดให้สาวกำพร้าวุ ฒิการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษาที่ 6 ก้าวขึ้นสู่จุดนี้ คือ ‘เรียนรู้ความสำเร็จ จากคนที่สำเร็จ’ ว่าทำไมเขาถึงสำเร็จ

      โดยคนต้นแบบของณัฏฐินี ได้แก่ นักร้องสาวดูโอ้ “นิว-จิ๋ว” พระเอกที่มาจากดีเจ “พุฒ พุฒิชัย” ลูกเป็ดขี้เหร่ “นนท์ The voice” และ “ครูเงาะ รสสุคนธ์” แอ็กติ้งโค้ชสร้างแรงบันดาลใจ “ย่าก็ไม่อยู่สอนเรา แล้วใครจะสอน ลี่ก็ต้องอาศัยดูคนดาราคนดังที่ประสบความสำเร็จเอา ฟังที่เขาพูดแบบนี้มีแนวคิดยังไง มาแบบนี้แสดงว่าเขามีพื้นฐานครอบครัวที่ดี  พ่อแม่เขาสอนมาแบบนี้ เราไม่มีพ่อแม่ก็จริง แต่เราก็ฟังพ่อแม่เขาสอนได้”

     จากประสบการณ์นอกห้องเรียนด้วยการศึกษาเองผ่านประสบการณ์ เธอบอกว่าหากย้อนไปได้ก็อยากที่จะกลับไปเรียน เพราะการเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรที่จะมีพื้นฐานเพื่อที่จะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้เธอไปได้ไวกว่านี้“เรียนให้พอแล้วค่อยมาทำตามฝัน เรียนเองไม่ใช่เหมาะกับทุกคน ออกเรียนมาตอนนั้นเลยรู้เลยว่าลี่พลาดมาก ณ ตอนนี้ชีวิตก็ต้องหาเพิ่มความรู้ ทำอะไรให้ตัวเราพัฒนาขึ้น มันก็ต้องเรียนอยู่ดี ตอนนี้ก็จะเรียนภาษาเพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จไวขึ้น“ดังนั้นเรียนให้พอแล้วค่อยมาทำมันก็จะดีกว่าอยู่แล้ว” ลาเต้อาร์ตสาว กล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับบอกถึงการแข่งขันในอนาคตบนเวทีระดับสากล World Latte Art Championship 2020 เธอจะทำให้เต็มที่เพื่อคว้าแชมป์ระดับโลกมาให้ได้ เพราะการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นความฝันของเธอ   

      “ถามว่าทำไมถึงฝันอยากจะได้แชมป์ระดับโลกมากกว่าการไปเปิดร้านของตัวเอง คือตอนเด็กๆ ชอบดูข่าวในพระราชสำนัก ดูแล้วก็คิดว่าเราจะทำอะไรเพื่อชาติได้บ้างเมื่อเราเกิดมา ฟังแล้วอาจจะดูโอเวอร์แต่เป็นเรื่องจริง ก่อนที่เราจะตายเราได้ทำประโยชน์ ทำสิ่งดีๆ อะไรไว้แล้วหรือยัง” 

     เห็นแล้วก็ต้องบอกเลยว่าเป็นสาวที่สู้ชีวิตอย่างมาก ที่สำคัญเธอสามารถเอาชนะคำดูถูกและทำพรสวรรค์ของตัวเองจนสามารถประสบความสำเร็จได้ ยังไงก็ขอชื่นชมด้วยนะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก : posttoday.com  , Nutthinee Jearranan