สรรพากร แจงกรณีดราม่า แม่ค้าเข้าโครงการคนละครึ่ง ถูกเก็บภาษีย้อนหลังเกือบแสน

           จากกรณีที่แม่ค้ารายหนึ่งได้ออกมาเผยเรื่องราวของตัวเองว่า ได้รับจดหมายจากกรมสรรพากรส่งมาที่บ้าน เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ภายหลังจากเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล เราชนะ คนละครึ่ง ม.33 เรารักกัน ซึ่งโดนภาษีย้อนหลังปี 2563 รวมทั้งหมด 92,257 บาท จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

           ต่อมา วันที่ 29 มิถุนายน 2564รายงานว่า นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า การจ่ายภาษีเงินได้ของรายได้ปี 2563 ไม่ใช่เป็นการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง แต่เป็นการจ่ายภาษีตามปกติ เนื่องจากรายได้ของปี 2563 จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ภายในเดือนมีนาคม 2564 แต่ทางรัฐบาลได้เลื่อนการยื่นผ่านระบบออนไลน์ออกไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จึงขอยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเก็บภาษีย้อนหลัง [ads]

          นางสมหมาย กล่าวต่อว่า การเรียกเก็บภาษีของแม่ค้ากรณีดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมายการยื่นภาษี เพราะตามหลักแล้วผู้ที่มีรายได้จากการค้าขายเกิด 60,000 ขึ้นไปต่อปี ทุกคนก็จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้กับทางสรรพากร ส่วนจำนวนเงินที่ต้องจ่ายภาษี 92,257 บาทนั้น เนื่องจากมีรายได้มาก ขอยืนยันอีกว่า การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่ได้มุ่งเน้นการเก็บภาษีของผู้ที่ค้าขายผ่านโครงการคนละครึ่ง หรือ ม.33 และ โครงการของรัฐบาลแต่อย่างใด[ads]

         อย่างไรก็ตาม โฆษกกรมสรรพากร ยืนยันอีกว่า การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน และไม่ได้จงเจาะกรณีของแม่ค้าคนดังกล่าวเพียงบุคคลเดียว อีกทั้งไม่ได้มุ่งเน้นการเก็บภาษีของผู้ที่ค้าขายผ่านโครงการคนละครึ่ง หรือ ม.33 และ โครงการของรัฐบาลแต่อย่างใด

เรียบเรียงโดย: tkvariety