ศบค. จี้ถ้าติดโควิดแล้วไม่มีแอปฯ หมอชนะ คุก2ปี ปรับ 40,000

          วันที่ 7 มกราคม 2564  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.)  ได้กล่าวในช่วงหนึ่งของแถลงการณ์ประจำวัน ว่า เนื่องจากสถานการณ์ที่มีความรุนแรงในขณะนี้ ดังนั้น ทาง ศบค. จึงจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มขึ้นอีกขั้น เพื่อใช้ในการป้องกันโรค นั่นก็คือ เน้นย้ำให้มีการใช้แอปพลิเคชัน หมอชนะ ควบคู่กับ ไทยชนะ หากติดโควิด 19 แล้วไม่มีหมอชนะ จะถือว่าละเมิดข้อกฎหมายตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

       ทั้งนี้ ในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17)  ได้มีข้อกำหนดใหญ่ ๆ 3 ข้อ คือ

       1. การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค : แนะให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ ควบคู่กับ ไทยชนะ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หากไม่ติดจะถือว่าละเมิดกฎหมาย

       2. ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง : ควบคุมพาหนะเข้าออกพื้นที่ 5 จังหวัดคือ  จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร และตั้งจุดคัดกรอง

       3. ปราบปรามลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาด : ปราบปรามผู้กระทำผิด ขนย้ายแรงงานเถื่อน เป็นต้น

        หมอชนะ เป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการเดินทางและการเช็คอินในสถานที่ต่างๆ ของประชาชนที่ลงทะเบียนในช่วงภาวะวิกฤตนี้ ซึ่งจะเป็นการลงทะเบียนแบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน โดยประโยชน์ของ แอป “หมอชนะ” มีดังนี้

– เป็นเครื่องมือให้บุคลากรทางการแพทย์ สามารถตรวจสอบความเสี่ยงการติดเชื้อของประชาชนที่เข้าใช้บริการทางการแพทย์ย้อนหลังได้อย่างรวดเร็ว ลดความล่าช้าในการสอบประวัติ และลดความเสี่ยงการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์

– เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ให้รู้ความเสี่ยงของตนเอง รวมทั้งมีอัพเดทไปแจ้งเตือนหากพบผู้ป่วยรายใหม่ที่เคยพบปะใกล้ชิดในระยะแพร่เชื้อที่ผ่านมา ใช้เป็นช่องทางการรับข่าวสาร และวิธีการปฏิบัติตนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของผู้ใช้งานและสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน รวมทั้งช่วยตามหาผู้ที่อาจเคยใกล้ชิดผู้ใช้แอป ใน 14 วันก่อนหน้า กรณีผู้ใช้แอปติดเชื้อขึ้นมาและอาจจำไม่ได้ครบว่าเดินทางไปที่ใดบ้างก่อนหน้านี้[ads]

– นอกจากนี้ยังช่วยให้ร้านค้า ผู้ประกอบการต่างๆ สบายใจขึ้น สามารถขอตรวจสอบความเสี่ยงของลูกค้า ที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิต การทำมาค้าขาย กลับมาเป็นปกติได้มากขึ้น ลดการกักตัวพนักงาน และลดระยะการปิดบริการของร้านค้า เพราะลดการติดเชื้อในสถานประกอบการ

        อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการกล่าวแบบนี้ ได้เกิดกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ หลายคนมองว่ามาตรการครั้งนี้ของรัฐรุนแรงมาก และยิ่งจะเป็นการผลักดันให้คนที่ไม่มีมือถือ ไม่มีแอปฯ ไม่มีเงิน แต่ติดโรค ไม่กล้าเข้าไปตรวจเพื่อหาเชื้อ   อีกอย่างคือ เจ้าหน้าที่ควรไปติดตามจับคนที่เป็นต้นเหตุของโรคระบาด หรือคนที่ปกปิดไทม์ไลน์ หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ย่อไทม์ไลน์คนอื่นจนเหลือบรรทัดเดียว ไม่ใช่มาตามเอาผิดคนธรรมดาที่รักษาเนื้อรักษาตัวและปฏิบัติตามกฎอย่างดี

ขอขอบคุณที่มาจาก: หมอชนะ