ลาออกจากงานประจำ เงินเดือนดี สู่เส้นทาง ร้านเบเกอรี่เพื่อสุขภาพ

          เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ กับประสบการณ์ของสมาชิกพันทิปท่านหนึ่งที่เป็นพนักงานเงินเดือนดี แต่ต้แงลาออกมาเดินเส้นทางอาชีพอิสระ โดยการเปิดร้าน เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ ซึ่งเขาจะประสบความสำเร็จหรือป่าวในอาชีพนี้ ไปดูประสบการณ์ของเขากัน ซึ่งเขาได้ระบุว่า 

          สวัสดีค่ะ เรา ชื่อ เนย นะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกสำหรับมือใหม่หัดโพสต์อย่างเนยนะคะ  เรื่องมีอยู่ว่า.. เนยเพิ่งผ่านการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตเนยไปอย่างมากมายเลยค่ะ กระทู้นี้อาจจะยาวนิดนึงนะคะ แต่ไม่ได้หวังอะไรนอกจากเพื่อแชร์ประสบการณ์ และเป็นหนึ่งในกำลังใจสำหรับเพื่อนๆที่กำลังท้อค่ะ

          ​ขอเล่าก่อนค่ะว่า เมื่อต้นปี 2563 ราวเดินมกราคมที่ผ่านมา (ก่อนน้องโควิดจะอุบัติบนโลกนี้นิดเดียวเอง ^^!) เนยได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำในบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งที่เนยได้รับเงินเดือนสูงถึงเกือบหกหลัก เพื่อมาดูแลคุณแม่ที่ป่วยหนักเกือบติดเตียงแบบเต็มเวลาค่ะ ตอนแรกที่เนยไปยื่นใบลาออกกับบอส บอสของเนยซึ่งเป็นชาวต่างชาติและค่อนข้างสนิทกับเนยก็มีการรั้งแกมขู่ไว้(บ้าง) ด้วยการถามว่ายูแน่ใจเหรอ ยูจะลาออกไปทำอะไรกันแน่ อายุยูก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ คิดใหม่ได้นะ แต่เนยก็ยังยืนกรานว่าไออยากจะลาออกแน่ๆ เพราะแม่ไอป่วยหนักไม่มีใครดูแลจริงๆ และไอก็ไม่อยากใช้วันลาของไอจนหมดโควตาเพื่อไปดูแลแม่อีกแล้ว  ไอเกรงใจยูและบริษัทนะ พูดไปพลางก็น้ำตาคลอไปพลาง  สุดท้าย…บอสก็โอเค เนยก็ได้ลาออกอย่างสวยๆ เคลียร์งานเรียบร้อย รับเงินเดือนเดือนสุดท้ายมาทำหน้าที่ลูกที่แสนดีอยู่ที่บ้านค่ะ  วันแรกๆ ที่อยู่บ้าน ยอมรับว่าบทบาทของลูกกตัญญูไม่ง่ายเลยค่ะ ตอนทำงานประจำ บอสสั่งอะไร งานยากแค่ไหน เนยทำได้หมดและทันเวลา เสร็จก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่พอต้องมาดูแลคนป่วย ยิ่งเวลาคุณแม่ชอบงอแง เบื่ออาหาร ไม่ยอมทานยา ไม่ยอมไปหาหมอ ยิ่งยากกว่างานอะไรทั้งหมดที่เนยทำมาค่ะ

          ​ที่เกริ่นมาตั้งนาน คือ จะบอกว่าชีวิตของผู้ดูแลคนป่วยไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยค่ะ เนยเป็นลูกคนเล็ก พี่น้องคนอื่นก็อยู่ไกล นานๆทีถึงจะมาเยี่ยมคุณแม่ได้ โชคดีที่เนยยังมีหลานชาย (ลูกพี่สาวคนโตที่เนยรับเค้ามาเลี้ยงตั้งแต่เด็กจนอายุยี่สิบกว่า) คอยช่วยขับรถรับส่งให้อยู่บ้าง นอกนั้นหน้าที่ดูแลคุณแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงแทบทั้งหมดเนยเหมาคนเดียว…ตอนนั้นเนยเหนื่อยและท้อถึงขั้นเกือบเป็นโรคซึมเศร้าเลยค่ะ

          ​จุดเริ่มต้นที่ดึงเนยเข้าสู่วงการอาหารและขนมเพื่อสุขภาพ ก็คือ คุณแม่เนยป่วยเป็นโรคไตระยะฟอกค่ะ เนยต้องคุมอาหารให้คุณแม่อย่างละเอียดยิบ ต้องไป-กลับโรงพยาบาลเป็นประจำทุก 2- 3 วันเพื่อฟอกไต ตอนแรกๆคุณแม่เบื่ออาหาร นำหนักลดไปสิบกว่ากิโล เพราะต้องคุมอาหาร ทานแต่จืดๆ ลดเค็มให้มากที่สุด แต่สิ่งที่คุณแม่พอจะชอบและทานได้มากที่สุด ก็คือ ขนมค่ะ แต่ขนมที่ขายทั่วไปก็มีแต่ส่วนผสมที่แสลงกับโรคของคุณแม่ทั้งนั้นเลย วันไหนทานขนมที่ซื้อตามร้านทั่วไป คืนนั้นจะไม่ได้นอนทั้งแม่ทั้งลูก เพราะคุณแม่จะคันเนื้อตัวจนให้เกาให้ทั้งคืน เนยเลยตัดสินใจเริ่มหัดทำขนมให้คุณแม่เอง แต่ๆๆ… เนยไม่มีพื้นฐานการทำขนมเลยค่ะ แถมขนมที่เนยทำครั้งแรกตอนป.4 หลังจากที่เรียนมาจากที่โรงเรียนเพราะร้อนวิชาก็เป็นที่โจษจัน เพราะเนยจะทำถั่วเคลือบช็อคโกแลตตามที่คุณครูสอน แต่ดันใส่ผงกาแฟแทนผงโกโก้เพราะผงโกโก้หมด เมื่อผงกาแฟเจอกับความร้อนสูงจึงทำให้กระทะไหม้ไปหนึ่งใบและควันโขมงจนห้องครัวเกือบไหม้เท่านั้นเอง 

          ​ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เนยถูกคุณแม่ซึ่งในตอนนั้นท่านมีอาชีพด้านทำอาหาร สั่งห้ามเข้าครัวอีกต่อไป นอกจากนั้นเนยก็ใช้ชีวิตแบบมีคนทำกับข้าวให้มาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต…. ทีนี้พอเนยต้องมาทำอาหารและขนมให้คุณแม่เอง เนยจะทำยังไงล่ะคะ เนยก็ต้องพึ่งญาติๆทั้งสองสิคะ ใช่ค่ะ อากู๋ และพี่ยู(ทูป) เป็นที่พึ่งแรกๆของเนยค่ะ โดยเฉพาะอากู๋ มีบุญคุณกับเนยมาก เพราะเนยต้องปรึกษาคุณอาคนนี้เกี่ยวกับอาหารการกินและโรคของคุณแม่อยู่ตลอด จนนำมาปรับทำสูตรขนมสำหรับคุณแม่ได้สำเร็จ  คำว่าสำเร็จของเนย คือ คุณแม่ทานได้ ไม่มีอาการคันจากส่วนผสมที่แสลง แถมยังชมว่าอร่อยด้วยค่ะ  ด้วยความบ้ายอ ใจฟูจากคำชมและอาการดีวันดีคืนของคุณแม่ทำให้เนยเหิมเกริมทำขนมเพื่อสุขภาพสูตรอื่นๆ อีก คราวนี้เนยทั้งลงเรียน ออฟไลน์ ออนไลน์จากเชฟไหนที่ว่าดัง แล้วก็นำมาปรับสูตรเองให้ถูกใจคนป่วย และยังฮึกเหิมถึงขั้นทำแจกเพื่อนบ้านทั้งซอย จนลามไปแจกนางพยาบาลที่โรงพยาบาลที่คุณแม่ไปรักษาประจำอีก

          ​จุดเปลี่ยนที่ทำให้เนยเข้าสู่วงการขนมเพื่อสุขภาพเต็มตัว คือ คนป่วยคนอื่นๆ อยากทานขนมแบบที่เนยทำให้คุณแม่บ้าง เนยจึงเริ่มมีออเดอร์เข้ามา ทั้งจากคนที่ป่วยแล้วและยังไม่อยากป่วย เพราะขนมของเนยเป็นสูตรสุขภาพทั้งหมด ไม่มีสารเสริม ลดแป้ง ลดน้ำตาล ทำให้ออเดอร์มีมาเรื่อยๆ ตลอดๆ จนเนยต้องเริ่มตั้งแบรนด์ขนมเพื่อสุขภาพขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อมองย้อนไปตั้งแต่วันที่เนยลาออกมาจนถึงวันนี้[ads]

          ​ รายได้ที่ได้รับจากการทำขนม ถึงจะยังเทียบไม่ได้กับเงินเดือนประจำที่เนยเคยได้รับมาตลอด แต่ที่สิ่งที่เนยภูมิใจและมีคุณค่าต่อเนยมากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือสุขภาพของคุณแม่ที่ดีขึ้น ตลอดจนรอยยิ้มและแววตามีความสุขของคุณแม่และของคนป่วยคนอื่นๆที่ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุเวลาที่ได้ทานขนมที่เนยทำซึ่งไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อพวกเค้า บางคนรอบตัวเนยจากที่เคยไม่เห็นด้วยที่เนยทิ้งเงินเดือนสูงๆออกมาและยึดอาชีพทำขนมก็เริ่มที่จะสนับสนุนเพราะเห็นว่าเนยเอาจริง บางคนขอให้เนยช่วยสอนทำขนม หรือบางคนก็อยากจะรับขนมของเนยไปขายต่อก็มี สิ่งที่เนยพยายามมาทั้งหมด ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง จากคนที่ทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นเลยจนมีแบรนด์ขนมเล็กๆของตัวเองได้ เนยถือว่าเนยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วค่ะ แต่เนยก็จะไม่หยุดที่จะต่อยอดพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่ะ ปัญหาและอุปสรรคบางอย่างที่เนยเจอในตอนนี้ก็คือ ราคาวัตถุดิบขนมเพื่อสุขภาพค่อนข้างแพง ทำให้ต้นทุนขนมค่อนข้างสูง แต่เนยก็พยายามที่จะไม่ขายขนมในราคาแพงมาก ให้พอมีกำไรเล็กน้อยเลี้ยงตัวได้ก็พอ ทุกคนจะได้ทานขนมของเนยได้ เพื่อนๆ มีประสบการณ์คล้ายๆ กันนี้หรือไอเดียอย่างไร ร่วมแชร์ให้เนยได้นะคะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ชาวเน็ตชื่นชม

ยินดีกับการเปิดร้าน และขอให้สำเร็จ

         ถึงแม้ว่าร้านของเจ้าของกระทู้ จะยังเทียบไม่ได้กับเงินเดือนประจำที่เคยได้รับมาตลอด แต่ที่สิ่งที่เจ้าของกระทู้ภูมิใจและมีคุณค่าต่อเขามากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือสุขภาพของคุณแม่ของเขาดีขึ้น ตลอดจนรอยยิ้มและแววตามีความสุขของคุณแม่และของคนป่วยคนอื่นๆ

ขอขอบคุณที่มาจาก: มาชิกหมายเลข 6146172