รู้ไว้จะได้ไม่เสียสิทธิ์ โดนชนยังไงให้ได้เงิน

         เป็นประโยชน์ต่อคนที่มีรถเป็นอย่างมาก กับ กรณีเกิดอุบัติเหตุ แล้วเราเป็นฝ่ายถูก แถมต้องเสียเวลานำไปซ่อม ไม่ได้ใช้งานในการขับรถ ใครมีกรณีแบบนี้เกิดแล้วและยังไม่เกิด ลองศึกษากฎหมายอีกครั้งนะคะ จะได้ไม่เสียประโยชน์ได้มากได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้นะคะ

         โดยผู้ที่มีประสบการณ์เล่าว่า  ได้รับเงินค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเรียบร้อย ว่าจะไม่เรียกร้องแล้วเชียว เรียกไม่มากแค่ 19,000 บาท เท่านั้น ถามว่าคุ้มมั้ย ไม่เลย วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ให้ทุกท่านได้รู้ ถ้าวันนึงโดนเหมือนกันจะได้ไม่เสียสิทธิ์กันนะคะ

         สรุปคร่าวๆ นะคะ คปภ. ได้ออกหลักเกณฑ์คุ้มครองผู้ขับขี่รถ หากประสบอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายถูก สามารถทำหนังสือพร้อมส่งเอกสารหลักฐานแจ้งความประสงค์ ขอเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างรอซ่อม ทั้งนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 โดยกำหนดอัตราขั้นต่ำค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ 3 กลุ่ม ได้แก่

1.รถยนต์ไม่เกิน 7ที่นั่ง ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 500 บ.

2.รถยนต์รับจ้างสาธารณะไม่เกิน 7ที่นั่ง ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 700 บ.

3.รถยนต์เกิน 7 ที่นั่ง ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท

         ในกรณียุ้ยอยู่ในเกณฑ์ข้อ 1. ยุ้ยเรียกวันละ 600 บ. คูณ 37 วัน เป็นเงิน 22,200 บาท โดยในจดหมายที่ยุ้ยพิมพ์ส่งถึงประกันได้ระบุชัดเจนว่า "อัตราที่เรียกอยู่ในหลักเกณฑ์ของ คปภ. กำหนด และสอดคล้องกับลักษณะของการทำงานที่ใน1วันต้องเดินทางพบลูกค้าหลายที่ และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงขึ้นกว่าปกติเป็นอย่างมากค่ะ (ในจดหมายมีรายละเอียดชี้แจงมากกว่านี้)"

เมื่อนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นที่บริษัทประกันด้วยตนเอง จะมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่อง และทำการเจรจาต่อรองกับเราค่ะ

ก๊อก1. โดนต่อรองเหลือแค่ 15,000 บ.ก็เลยถามไปว่าคิดจากหลักเกณฑ์อะไรคะ แบบนี้ไม่โอเค ขอเรียกตามที่แจ้งในจดหมายค่ะ

ก๊อก2. โดนต่อรองจำนวนเงินต่อวัน และจำนวนวันเหลือแค่ 30 วัน ไม่นับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถามว่ายอมมั้ย?? ยุ้ยยอมแค่ครึ่งทาง คือขอเรียกวันจันทร์ ถึง เสาร์ เพราะเป็นวันทำงานปกติ ให้ยกเว้นแค่วันอาทิตย์เท่านั้น และขอนับวันตามปฎิทิน ไม่ขอใช้เครื่องคิดเลขบวกลบ เพื่อความถูกต้อง สรุปจบที่ 32 วัน คูณ 600บ./วัน = 19,200 บ.

ก๊อก3. ประกันขอจ่าย 18,000 บ. ก็เลยตอบไปว่าไม่ตกลง เพราะในความเป็นจริงต้องเสียเงินไปกับค่าเดินทางมากกว่าที่เรียกร้องไป เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก เสียจิตไปกับรถที่ไม่เหมือนเดิม อย่าเอาเปรียบกันเลยค่ะ ถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากโดนชนแล้วมานั่งเรียกร้องค่าสินไหมแบบนี้.

ก๊อก4. ยุ้ยยื่นข้อเสนอไปเอง ลดให้200 บ. ขอจบที่ 19,000 บ. ถ้าไม่อย่างนั้นก้อขอไปหาข้อสรุปที่ สำนักงาน คปภ. ค่ะ

สรุปจบที่ ก๊อก4. จบที่ 19,000 บ. ค่ะ ใช้เวลา 10 วันก็ได้รับเงินค่ะ

เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่

1.สน.ใบเคลม

2.สน.ใบรับรถ(จากอู่ที่ซ่อมรถ ซึ่งเขาจะต้องลงวันที่ว่ารับรถวันไหน)

3.สน.ทะเบียนรถ (ถ้าติดไฟแนนซ์ ต้องมี สน.สัญญาไฟแนนซ์)

4.สน.บัตรประชาชนของเจ้าของรถ

5.จดหมายขอค่าขาดประโยชน์

6.รูปถ่ายสภาพความเสียหายของรถ

7.สน.ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล(ถ้ามีเปลี่ยน)

8.สน.บุ๊คแบงค์ที่ต้องการให้ประกันโอนเงินให้

             การเรียกร้องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าประกันให้เคลมลูกปืนล้อหลังขวาในวันที่เอารถเข้าไปให้ซ่อมเพิ่ม เพราะก่อนชนไม่มีอาการอะไรเลย แต่หลังโดนชนท้ายอัดกระแทกแรง 2 ครั้ง เพราะชนกัน5คันรวด (ยุ้ยอยู่คันที่ 2) รถยังคงมีอาการผิดปกติคือเร่งไม่ขึ้นและมีเสียงดังอื้อๆที่ล้อหลังอยู่

         คำตอบที่ได้รับจากประกัน และศูนย์ฯ คือเคลมไม่ได้ เพราะเกิดจากการเสื่อมสภาพจากการใช้งาน ความเสียหายไม่ได้ไปถึงช่วงล้อ เอิ่ม!!! คือจะบอกว่าโชคดี ลูกปืนมาออกอาการเกเรในวันที่โดนชนท้ายกระแทกแรงๆซะงั้น เถียงไปไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ความรู้จากการอ่านในเน็ต ว่าการกระแทกแรงๆ ก็มีโอกาสส่งผลทำให้ลูกปืนเกิดความเสียหายได้เช่นกัน ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเรียกร้องการเคลมได้  ในใจนึกว่าเอาว่ะ เดี๋ยวไปเรียกร้อง คปภ.แทน ระหว่างนี้เอารถไปซ่อมเองแล้วเอาใบเสร็จไปเบิกทีหลัง[ads]

         มานั่งคิดในช่วง3อาทิตย์ที่รับรถมาแล้ว เรายอมเสียเงินจ่ายค่าซ่อมจุกๆจิกๆ เองไปแล้ว เพราะขี้เกียจไปที่อู่เดิม ทำไม่จบ และต้องเสียเวลาไปเรียกร้องถึง คปภ.เพื่อแลกกับเงินค่าซ่อมลูกปืนล้อหลังอีก 1,400 บ. ไปทำไม พอคิดได้ จึงขอกลับความคิดที่ว่า ถ้ารถซ่อมเสร็จก็ให้จบๆไป ถือฟาดเคราะห์ไป เพราะหลังจากโดนชน ก็มีโชคถูกล๊อตเตอรี่ไปแล้วแต่พอโดนเอาเปรียบแบบนี้ ขอใช้ความรู้โดยอ้างอิงหลักเกณฑ์ คปภ. เรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเองดีกว่า มาทำให้โกรธดีนัก

ประสบการณ์ คนมีรถควรรู้         

         ใครมีกรณีแบบนี้เกิดแล้วและยังไม่เกิด ลองศึกษากฎหมายอีกครั้งนะคะ จะได้ไม่เสียประโยชน์ได้มากได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้นะคะ เพราะการเสียเวลาในการซ่อม เราเองก็ต้องลำบากใจการเดินทาง ฉะนั้นแล้ว เจอแบบนี้ต้องทำ 

ขอขอบคุณที่มาจาก: Nuyui Sekphutiwath