การคุมกำเนิดเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหา ท้องก่อนวัยอันควร เพราะจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เรื่องเซ็กเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับวัยรุ่น สมัยใหม่ ฉะนั้นทำได้เพียงป้องกัน วันนี้เราจึงนำรีวิวการฝังยาคุมกำเนิด มาฝาก เพราะเป็นการป้องกันการลืมกิน อายุต่ำกว่า 20 ปี ทำฟรี ไม่ต้องเงิน
โดยสาวผู้ใช้เฟชบู๊กท่านหนึ่งระบุว่า รีวิวการฝังยาคุมกำเนิดจาก บริการวัยรุ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเชียงใหม่ ฟรี!!สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีตามพรบ.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรถ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากสปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
จริงๆเมนูแอบศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว(พร้อมๆกับการทำแท้งปลอดภัย) รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจแต่ยังมีหลายๆคนที่ยังไม่รู้หรือกลัวอยู่ เลยอยากจะบอกเหตุผลที่ควรเลือกใช้การฝังยาคุมเป็นการคุมกำเนิดวิธีแรกนี้ว่า!!
– เหมาะสำหรับวัยรุ่นมาก! เพราะเป็นการคุมกำเนิดระยะยาวแต่ไม่ถาวร ประมาณ 3-5 ปี เมื่อถอดออกสามารถกลับมาท้องได้ปกติ
– โอกาสพลาดน้อย (1 ใน 2000 คน) เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิสูงที่สุดรองลงมาจากการทำหมัน
– เหมาะสำหรับคนที่ชอบลืมกินยาคุม
– ฟรี!!! (บางที่เสียค่าอุปกรณ์) และสามารถทำได้โดย “ไม่ต้องขอการยินยอมจากผู้ปกครอง”
สำหรับเราแล้ว เรามองว่าการมีเซ็กส์คือเรื่องธรรมชาติ ตัวกำหนดความพร้อมในการมีเซ็กส์ไม่ใช่อายุ แต่เป็นความรับผิดชอบต่อตัวเองและคนอื่นมากกว่า การคุมกำเนิดไม่ใช่เรื่องที่ควรอายเลย เพราะเรามองว่าการรับผิดชอบต่อตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติและควรเอามาพูดได้แบบปกติเนอะ
เอาจริงๆรู้สึกแพนิกมากเพราะมาคนเดียว แถมยังใส่ชุดพละโรงเรียนอีก5555 ล่กจนเกือบหยิบบัตรรอคิวเป็นใบฝากครรถ์ แต่ขั้นตอนไม่ยุ่งยากมากค่ะ โชคดีที่เจอพนักงานดี พูดจาดี เมื่อถึงเวลาจริงๆตื่นเต้นมาก! เพราะเราติดภาพในหัวว่าการฝังยาคุมมันน่ากลัว และก่อนที่จะฝังเรายังแอบกังวลกับภาพลักษณ์ในสังคมอยู่ กลัวว่าคนอื่นจะมองเรายังไงจนกระทั่งเรานึกได้ว่ามันคือเรื่องปกติ และเราไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกแบบเราอีกเพราะมันก็คือเรื่องปกติจริงๆนั่นแหละค่ะ
โรงพยาบาลที่เราไปคือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเชียงใหม่ (โรงพยาบาลแม่และเด็ก ศูนย์อนามัยที่ 1) เปิดให้ทำการฝังยาคุมทุกวันพฤหัส เวลา 13.00-15.30 น. สามารถทักไปปรึกษาในเพจได้ หรือจะโทรไปจองคิวก่อนได้ และสำหรับเพื่อนๆในจังหวัดอื่นสามารถเข้ารับฝังยาคุมฟรีได้ที่โรงพยาบาลรัฐ, ศูนย์อนามัย หรือแผนกสูตินรีเวชที่จังหวัดตัวเองเลยค่ะ⠀- ควรฝังยาคุมในช่วง 1-5 วันของประจำเดือนเพราะทำให้ยาที่ฝังมีผลทันที หากฝังช่วงอื่นยาคุมจะทำงานหลังจากนั้นประมาณ 7 วันค่ะ- ใช้เวลาไม่นานค่ะ 10-20 นาที แต่เราไปครั้งแรกเลยต้องทำบัตรสมาชิก เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
– ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500-3,000 ถ้าทำในโรงพยาบาลเอกชน
– สำหรับโรงพยาบาลที่เราไปนั้น มีค่าอุปกรณ์ประมาณ 145 บาทค่ะ (แนะนำให้เตรียมเงินสดนะ!)
– พอจ่ายตังเสร็จปุ๊ปจะได้ผ้าไว้พันแผลเพื่อห้ามเลือด แล้วก็ไปนั่งรอเข้าห้องเชือดได้เลย⠀⠀⠀⠀⠀⠀
ปล. สำหรับคนลืมเตรียมเงินสดมา(อย่างเรา) พี่เขาจะให้โอนเข้าบัญชีเขาและพี่เขาจะจ่ายให้แทนค่ะ เพราะเงื่อนไขโรงพยาบาลนี้คือโอนได้เมื่อค่าใช้จ่ายเกิน 300 บาท
บรรยากาศในโรงพยาบาล⠀เราแอบเกร็งนิดหน่อยเพราะว่าส่วนใหญ่มีแต่คนมาฝากครรถ์ กลัวเขามองเราแปลกๆ แต่ก็คีพคูลเอาไว้เนอะ มาคนเดียวได้เพราะขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่งงนะคะ แต่แนะนำว่าใครกลัวเหงาควรลากเพื่อนหรือแฟนมาด้วยค่ะ เพราะส่วนใหญ่มากันเป็นคู่ พนักงานโอเค(แล้วแต่คน) บริการไม่เลทมากค่ะ
บรรยากาศตอนเข้าห้องเชือด ⠀รู้สึกขนลุก ขนาดใส่แมสก์อยู่ยังสัมผัสได้ว่าล่กจนตาเหลือก555555 พี่ๆพยาบาลใจดีพยายามคุยให้เราไม่แพนิกค่ะ สรุปคือเจ็บที่สุดแค่ยาชา (เขามือเบามากแต่เรากลัวเข็ม) แอบจั๊กจี้ตอนทาแอลกอฮอล์ด้วย บรรยากาศไม่เครียดค่ะ เพราะหลับตา- เราใช้ยาคุมอิมพลานอน เอ็นเอ็กซ์ที เป็นแท่งทึบๆสีขาว นิ่มๆ ยาว 4 เซนติเมตร- ฝังยาคุมในแขนข้างที่ไม่ถนัด คนดูไม่ออกว่าฝังนะ!- ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีค่ะ เร็วมาก งงมาก- เป็นเครื่องสำหรับฝังยาคุมโดยเฉพาะ ไม่ได้กรีดแขนดังที่เขาหลอกลวง[ads]⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
ยาคุมทำงานอย่างไร ในนั้นมีฮอร์โมนโปรเจสตาเจน ทำให้ไปยับยั้งการเจริญเติบโตของรังไข่ (ทำให้ไม่ตกไข่นั่นเองค่า) ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนั้นยังทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น ทำให้เชื้ออสุจิว่ายผ่านไปได้ยาก ลดโอกาสการผสมกับไข่ค่ะ
ผลข้างเคียง พี่พยาบาลบอกว่าจะทำให้ประจำเดือนขาดๆหายๆ บางคนอาจจะไม่มีเลยก็ได้ค่ะ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) และบางคนอาจจะมีเลือดออกมาเยอะมากๆ ซึ่งสามารถไปหาหมอเพื่อรักษาได้ค่ะ
เมื่อถอดยาฝังออกแล้ว สามารถกลับมาพร้อมตั้งครรถ์ได้ปกติภายใน 1 เดือน โดยที่เราสามารถกลับไปฝังยาคุมชุดใหม่ได้เรื่อยๆเลยค่ะ
การฝังยาคุมแบบนี้ ฟรี สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีตามพรบ.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรถ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากสปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ป้องกันไว้จะดีกว่านะคะ ปัญหาท้องก่อนแต่งจะได้ไม่เกิดขึ้น
ขอขอบคุณที่มาจาก: Maynu Supitcha
