ดราม่านี้เริ่มขึ้นเมื่อ "นางกนกนิภา" อายุ 33 ปี เจ้าของร้านตำนัวในตลาดรางรถไฟบุรีรัมย์ โพสต์ข้อความดุเดือดในเฟซบุ๊ก ต่อว่าลูกค้ารายหนึ่งที่ได้มารับประทานอาหารที่ร้าน และได้ทำมารยาม ที่ทางร้านไม่ค่อยจะพอใจ ซึ่ง หลายคนเข้ามาวิจารณ์ในการกระทำของลูกค้า ซึ่งสปดราม่าได้ตามนี้
1.เริ่มจากเจ้าของร้านโพสต์ว่า วันนี้จะมารีวิวลูกค้าชั้นเลวมะคืนค่ะ คนนี้เด็ดต้องขึ้นบัญชีหนังหมาไว้เลย คนที่ทำให้ไมเกรนขึ้นได้คือไม่ธรรมดา ตัวท็อปแห่งเมืองบุรีรัมย์เลย กินได้ต่ำตมมาก แก้วมีไว้ให้มันใส่น้ำ เอาไปใส่ทิชชู่ที่ใช้แล้วเอย ใส่กระดูกไก่เอย โต๊ะมีไว้วางอาหารมันยกตีนขึ้นวางแล้วเซลฟี่แบบไม่สน อะไร เรียกเด็กเสิร์ฟซ้ำแซะ ใช้ทีละอย่าง เพียงแค่เห็นเค้ากะลังหย่อนก้นกินข้าวก็เรียกใช้ซ้ำซาก ใช้เล็กใช้น้อย ใช้จุกจิก เด็กลุกช้าโพสต์ด่า เอะอะโพสต์ 3 นาที 4 เตตัส นี่ละน๊า แค่มารยาททางสังคมแบบพื้นฐานยังไม่มี ไม่แปลกเลยที่ชีวิตตกอับ!! #อปากปลาร้า
2. โพสต์ร้อนแรงนี้กลายเป็นดราม่าในโซเชียลมีเดีย คนส่วนใหญ่เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของร้านและตำหนิเน็ตไอดอล แต่ก็มีบางคนมองว่าเจ้าของร้านโพสต์รุนแรงเกินไป พร้อมกันนั้นคนก็เริ่มพากันไปสืบเสาะว่าเน็ตไอดอลคนนี้เป็นใคร
3. ต่อมาเพื่อน ๆ ของเน็ตไอดอลคนดังกล่าวได้เข้ามาคอมเมนต์ต่อว่านางกนกนิภาในโพสต์ดังกล่าว จนเกิดการปะทะคารมออนไลน์กันของหลายฝ่าย
4. นักข่าวได้ตามไปสัมภาษณ์นางกนกนิภาถึงร้าน เธอยืนยันว่าที่โพสต์ไปเป็นเรื่องจริง เหตุเกิดคืนวันที่ 13 มกราคม เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ลูกค้าคนดังกล่าวเป็นเน็ตไอดอลและเป็นสาวประเภทสอง เข้ามานั่งทานอาหารกับเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นสาวสองเหมือนกัน โดยตอนนั่งกินมีการถ่ายรูปและไลฟ์สดด้วย
5. นางกนกนิภาบอกว่าตอนแรกเธอดีใจที่มีเน็ตไอดอลมานั่งกินที่ร้าน แต่เริ่มรู้สึกไม่ดีเมื่อเน็ตไอดอลคนดังกล่าวเรียกใช้ลูกน้องในร้านบ่อยมาก รวมทั้งเรียกให้ไปรินเบียร์ที่โต๊ะ
6. กนกนิภาให้ลูกน้องแจ้งลูกค้าว่า ทางร้านไม่มีนโยบายให้คอยเฝ้ารินเบียร์ให้ลูกค้า เพราะไม่ใช่ร้านขายเครื่องดื่ม ทำให้เน็ตไอดอลกับเพื่อนไม่พอใจ และโพสต์ต่อว่าลูกน้องของเธอในทำนองว่าให้บริการช้า ไม่ได้ดังใจ ตอนนั้นเธอรู้สึกสงสารลูกน้อง แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะโพสต์ต่อว่า
7. แต่เมื่อเน็ตไอดอลกับเพื่อนสั่งเช็คบิลล์ ลูกน้องไปเก็บโต๊ะก็พบว่าลูกค้าทิ้งกระดาษทิชชู่ใช้แล้วและเศษกระดูกไก่ที่แทะแล้วลงในแก้วน้ำ ทั้งที่ทางร้านก็มีจานเปล่าสำหรับใส่เศษอาหารให้ เธอจึงบอกให้ลูกน้องทิ้งแก้วใบนั้นไปเลย
8. ต่อมามีคนส่งภาพที่เน็ตไอดอลคนดังกล่าวยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะอาหารที่ร้านของเธอมาให้ดู ทำให้เธอโกรธมาก เพราะเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท ไม่ให้เกียรติร้านและลูกค้าคนอื่น ๆ เธอจึงโพสต์ข้อความดังกล่าว
ต่อมา "เพชร ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ" เน็ตไอดอล LGBT+ ชื่อดังได้โพสต์คลิปชี้แจงเรื่องดังกล่าว พร้อมติดแฮชแท็ก #เพชรกราบขอโทษเจ้าของร้านส้มตำชื่อดังระดับประเทศด้วยนะคะ
1.เพชรบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเด็กเสิร์ฟของร้านซึ่งเป็นกะเทยหัวโปกไม่ชอบเธอหรือเพื่อนของเธอ เธอไปที่นั่นในฐานะลูกค้า ย่อมต้องการการบริการที่ดีจากร้าน เพราะเธอจ่ายเงิน ไม่ได้มาขอกินฟรี ในฐานะคนค้าขาย ต่อให้ลูกค้าไม่ชอบเราหรือลูกค้าเหี้ยแค่ไหน เราก็ต้องบริการเขาจากหัวใจ
2.เพชรบอกว่าเธอไปทานที่ร้านนี้มา 4 ครั้งแล้ว เพราะชื่นชอบที่อาหารอร่อย วันนั้นเธอไปกับเพื่อนสนิท สั่งเบียร์มาดื่มพร้อมกับแกล้ม เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวโปกเดินมาเสิร์ฟอาหาร แต่กลับยื่นจานอาหารใส่หน้าเธอ เพื่อให้เธอรับจานเอง แทนที่จะวางลงบนโต๊ะเหมือนการเสิร์ฟทั่วไป
3.ผ่านไป 2 นาที เธอเรียกเด็กเสิร์ฟอีกครั้งเพราะเขาไม่ได้เอาจานและช้อนส้อมมาให้ แต่ก็พูดด้วยความสุภาพว่า "น้องคะ ขอช้อนส้อมและจานได้มั้ยคะ" แต่เด็กเสิร์ฟคนเดิมไม่ได้เอามาให้เอง อาจเพราะไม่ชอบเธอ แต่บอกให้เด็กอีกคนเอามาให้
4.หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้รบกวนเด็กเสิร์ฟคนนี้อีกเลย เวลาสั่งอาหารเพิ่มก็เดินไปสั่งจากคนทำอาหารผู้ชายโดยตรง
5.ส่วนเรื่องกระดาษทิชชู่ เธอเป็นคนใช้ทิชชู่เปลืองอยู่แล้ว และที่ตรงนั้นไม่มีถังขยะ ไม่มีจานเปล่าสำหรับทิ้งเศษอาหาร มีแต่แก้วเปล่า 1 ใบ เธอจึงเอาทิชชู่ใช้แล้วใส่ลงในนั้น
6.เพชรบอกว่าเรื่องนี้ถ้าเธอจะผิด เธอผิดอยู่เรื่องเดียว คือเมื่อเธอเมาแล้วอยากถ่ายรูป เลยเอาเท้าขึ้นไปวางไว้ตรงมุมโต๊ะเพื่อถ่ายรูป ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็เอาลง ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นดูแคลนหรือดูถูกอะไรร้านเลย แต่ก็ยอมรับผิดในเรื่องนี้
7.เพชรบอกว่าระหว่างนั่งทานที่ร้านเธอก็ไลฟ์สดด้วย มีคนดูประมาณ 500 คน ทุกคนจะเห็นว่าเธอไม่ได้ต่อว่าอะไรร้านเลย มีแต่ชื่นชม อวยตลอดว่าอาหารอร่อยทุกเมนู ผู้ชายที่ทำอาหารในร้านยังบ๊ายบายในไลฟ์สด เพราะเธอขอบคุณเขาที่ทำอาหารอร่อยให้ทาน[ads]
8.และตลอดเวลาที่เธอไปนั่งทาน เจ้าของร้านผู้หญิงไม่ได้มาดูแลโต๊ะเธอเลย จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไปฟังความข้างเดียวจากเด็กหัวโปกในร้าน แล้วเชื่อเด็กทั้งหมด
9.สิ่งที่เจ้าของร้านโพสต์เป็นความเกลียดชังส่วนตัว มีการใช้ข้อความเสียดสีต่าง ๆ ซึ่งเจ้าของร้านคนนี้โพสต์ด่าลูกค้าในเฟซบุ๊กบ่อยมาก คนบุรีรัมย์รู้ดี ให้ลองไปย้อนไทม์ไลน์เฟซบุ๊กเจ้าของร้านดู จะเห็นว่าตนไม่ใช่คนแรกที่โดนโพสต์ด่า ตนไปกินอาหารมาทั่วประเทศไทย ไม่เคยเจออะไรแบบนี้
10.ยอมรับว่าตนอาจมีกิริยามารยาทไม่ถูกจริตคนไทย เรื่องนี้ตนขอโทษจากใจจริง และคงไม่กลับไปเหยียบร้านนี้อีก เพราะบุรีรัมย์ไม่ได้มีร้านเดียว ตนเติบโตมาจากอาชีพค้าขาย ลูกค้าคือพระเจ้า ต่อให้ลูกค้าเกลียดเราหรือเราเกลียดลูกค้า แต่ถ้าเขาเดินมาร้านเรา เราจะต้อนรับเขา
ดราม่าทั้งหมดก็สรุปได้ตามนี้นะคะ ที่เดียวจบ ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ ส่วนใครคิดว่าเป็นยังไงก็ขอให้พิจารณากันเองนะคะ ส่วนทางเราก็ได้สรุปดราม่าให้แล้ว หวังว่าคนที่อยากจะทราบคงจะถูกใจกัน ยังไงก็อย่าลืมใช้วิจารณญาณกันหน่อยนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก: Poetry of Bitch