คำชี้แจงจาก ธรรมนัส หลังคนสนิทโดนแฉ ตุนหน้ากากไว้ขายเอง 

       จากกรณีที่ทางเพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้ออกมาโพสต์แฉคนสนิทของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กักตุนหน้ากากอนามัยไว้เพื่อขายเองจำนวนกว่า 200 ล้านชิ้นโดยขายให้กับนายทุนจีน และคนอื่นๆ ในราคาชิ้นละ 14  บาท ท่ามกลางภาวะการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ทั้งโรงพยาบาล และประชาชน ทำให้เรื่องราวดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก โดยล่าสุด ร้อยเอกธรรมนัส  ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า

 

      ตามที่ปรากฏข่าวจากการเผยแพร่ของเพจแหม่มโพธิ์ดำว่า คนสนิทผู้ติดตามข้าพเจ้าได้กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้นเพื่อขายต่อให้กับนายทุนจีนและผู้อื่น นั้น ขอเรียนชี้แจง ดังนี้

     (1) จากการตรวจสอบพบว่าผู้กักตุนและขายหน้าหากอนามัยคือนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับข้าพเจ้า

     (2) ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้า นั้น ได้ยืนยันกับข้าพเจ้าว่าตนได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง โดยได้ไปพบกันที่โรงแรมแมริออท (ประตูน้ำ) กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันกับนายศรสุวีร์มาก่อนโดยเป็นการพบกันครั้งแรก

     (3) เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ขอให้นายพิตตินันท์ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคาและในความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว พร้อมกับให้นำหลักฐานการแจ้งความมาแถลงข่าวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกทางแล้วโดยนายพิตตินันท์จะดำเนินการในวันนี้

     (4) อนึ่ง นายพิตตินันท์ รักเอียด เคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้าจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายศรสุวีร์ดังกล่าว ข้าพเจ้าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์ทันที

      จึงเรียนมาเพื่อทราบ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

      โดยจากข้อความชี้แจงในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นข้อความที่ไขความกระจ่างให้กับหลายๆคนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน แต่ทั้งนี้ก็รอดูว่า ทางหนุ่มคนดังกล่าวนั้นจะออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง