ทุ่งนาสีชมพู หลังหนุ่มเกษตร หวังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว 

         ในโลกออนไลน์มีกรโพสต์ภาพทุ่งนาข้าวสีชมพู จากฝีมือของหนุ่มศิษย์เก่าคณะเกษตรฯ ม.นเรศวร ที่หลังจากลาออกจากงานบริษัท หันมาเกษตรเต็มตัวใช้เวลา 3 ปี คัดแยกพันธุ์ข้าวจนสามารถปลูกนาข้าวสีชมพูสำเร็จ อนาคตอาจพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว 

        โดย นาข้าวสีชมพูอยู่ที่แปลงนาบ้านในไร่ เลขที่ 106/8 หมู่ 11 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายจตุรงค์ ชมภูษา อายุ 31 ปี ศิษย์เก่าคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร เป็นเจ้าของโดยผันตัวเองจากพนักงานบริษัทมาเป็นเกษตรกรเต็มตัวเนื่องจากต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว

       นายจตุรงค์ เปิดเผยว่า เริ่มเเรกเมื่อปี 2556 ตนเองได้นำเอาเมล็ดข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รี่มาจากสุพรรณบุรี มาปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งในช่วงของการปลูกนั้น ตนเห็นว่านาข้าวมีใบสีชมพู ตนจึงได้นำต้นข้าวสีชมพูคัดแยกออกมา จากนั้นก็ทดลองปลูกเรื่อยมาถึง 4 ครั้ง จนสามารถได้เมล็ดและนำมาปลูกในพื้นที่ได้ถึง 4 ตารางเมตร และมีการตั้งชื่อสายพันธุ์ของข้าวว่า ข้าว Pink Lady

      ทั้งนี้ในการปลูกที่ผ่านมาเกิดแมลงกัดกินข้าวอย่างหนักทำให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่ได้มีน้อย จึงไม่สามารถขยายเมล็ดพันธุ์ได้มากเท่าที่ควร อีกทั้งข้าวที่ปลูกไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงแต่อย่างใด เพราะปลูกแบบปลอดสารพิษ แต่จะใช้วิธีการดูแลรักษาโดยใช้น้ำหมักชีวภาพในการควบคุมคุณภาพของนาข้าวและประสิทธิภาพของผลผลิตเพื่อให้ได้คุณภาพมากยิ่งขึ้น

       ส่วนในเรื่องของคุณภาพข้าวที่ผ่านมายังไม่ได้ทดสอบเพราะเมื่อปลูกเสร็จก็จะเก็บเกี่ยวพันธุ์เมล็ดข้าวเพื่อมาคัดแยกและทดลองปลูก จนสามารถปลูกได้ขนาด 4 ตารางเมตรที่เห็น แต่การที่จะได้นาข้าวสีชมพูต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาโดยปลูกช่วงหน้าหนาว ใช้เวลา 120 วันจึงจะเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้ยังได้ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่สีม่วงควบคู่ไปด้วย สำหรับผลผลิตที่ได้มีขนาดสั้น อ้วนและป้อมคล้ายข้าวญี่ปุ่น แต่มีขนาดป้อมกว่าข้าวญี่ปุ่น ซึ่งข้าว 1 กิโลกรัม ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท และจะสามารถหุงได้ถึง 4 หม้อทีเดียว

         ทั้งนี้ยังได้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวมาตรวจคุณภาพของเมล็ดข้าวพบว่าเมล็ดข้าวไรซ์เบอร์รี่มีการกลายพันธุ์เป็นสีชมพู จึงได้ถ่ายรูปแล้วนำไปโพสต์เฟซบุ๊ก ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากชาวบ้านและประชาชนเดินทางมาดูนาข้าวตลอดทั้งวัน อนาคตก็มีแนวคิดจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่โทร.096-667-2545

ขอขอบคุณที่มาจาก : thaipost.net