ประสบการณ์จริง ล้มเหลวในชีวิตเพราะ หนี้ ตัวเดียว

              ชีวิตคนเราเกิดมาเลือดเกิดไม่ได้จริงๆนะคะบางคนเกิดมาโชคดีถูกปูทางมาตั้งแต่เด็กแต่บางคนต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง และในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอะไรๆก็เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่การกิน ข้าวยากมากแพง และวิธีการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล จึงทำให้บางคนนั้นต้องเป็นหนี้สินชีวิตล้มเหลว เช่นกับสมาชิกพันทิปท่านนี้ ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์เพื่อเตือนสติให้กับหลายๆท่าน

              โดยเธอได้เล่าว่า เราผ่านช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตมา 2 ครั้งเลย อยากจะรีวิวชีวิตกากๆ ให้ทุกคนได้อ่านกันเรากับสามีตัดสินใจซื้อคอนโดประมาณ 9 แสนปลายๆ ในกทม. ตอนนั้นเงินเดือนรวมๆ กันก็ประมาณ 3 หมื่น มีจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ จรเข้ามาบ้าง

               ต่อมาไม่นานก็ตัดสินใจซื้อรถ 7 แสนอีก 1 คัน เพราะต้องกลับบ้านต่างจังหวัด พาพ่อแม่ที่แก่แล้วไปหาหมอ แต่ส่วนใหญ่ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ เรากับสามีชอบขึ้นรถเมล์กับรถไฟฟ้ามากกว่าผ่านไปหลายปี สามีเราเสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็ง เขาอายุแค่ 31 เอง ภาระหนี้ทั้งหมดก็ตกมาอยู่กับเรา บ้านและรถเป็นชื่อสามี เราต้องขึ้นศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก ระหว่างนั้นเรากัดฟันอดทนผ่อนทั้งบ้าน และรถเดือนหนึ่งตกประมาณ 2 หมื่น แต่เงินเดือนเราแค่ 2 หมื่นปลายๆ (สิ่งที่เราอยากจะบอกควรทำประกันไว้นะคะ คนเราไม่แน่ไม่นอน)  เราใช้เงิน แบบเดือนชนเดือน บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด นี่คือเพื่อนตายเลยค่ะ หมุนไปหมุนมา จนมันกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ เอาตรงโน้นมาโป๊ะตรงนี้ (บอกตรงๆ หายนะชัดๆ)เราซื้อ LTF อยู่ แต่ยังไม่ครบ 7 ปีที่จะไถ่ถอนได้ เงินตรงนี้เท่ากับเอามาใช้ไม่ได้เลย

        ปัญหาเรื่องหนี้มันวนเวียนอยู่แบบนี้เกือบ 2 ปี สุดท้ายมันถึงปลายทางของมันแล้วค่ะ เงินเดือนไม่เหลือเลย แต่เราจ่ายหนี้ตรงทุกงวด เราถือคติเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายราแก้ปัญหาด้วยการเอาคอนโดไปรีไฟแนนซ์ แต่ไม่มีแบงก์ไหนให้กู้ เพราะเครดิตบูโรขึ้นมาว่า ภาระหนี้เยอะ แบงก์บอกให้ไม่ได้จริงๆ ซึ่งเซลล์ก็แนะนำให้ไปหาเงินมาปิดหนี้ก่อน (เราคุยกับแบงก์ส้ม และแบงก์แดงค่ะ)

              ต่อมาเราได้มรดกเป็นทาวน์เฮ้าส์มา 1 หลัง แต่ปัญหา คือ ไปกู้แบงก์ไม่ได้อีก เพราะภาระหนี้เยอะ มีคนแนะนำให้ไปทำแบบกู้นอกระบบ คล้ายๆ จดจำนองกับนายทุน แต่ต้องใช้คืนภายใน 1 ปี ถ้าไม่ได้ก็อาจต้องทำสัญญาใหม่ แต่เขาก็บอกเรานะคะ ใจจริงอยากให้ไถ่ถอนภายใน 1 ปีมากกว่า เพราะเขาก็ทำธุรกิจแบบเงินต่อเงินเวลาบีบเรามาทุกทางจริงๆ เราก็เลยหาข้อมูลจากพวก Non-bank ที่มีชื่อเสียงและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเราก็ค้นพบความจริงว่า แม้เขาจะโฆษณาว่าไม่ได้เช็กเครดิตบูโร ดูเหมือนจะให้กู้ง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย ขนาดเราเป็นพนักงานออฟฟิศ หน้าที่การงานมั่นคงระดับหนึ่ง

              ​ ระเบิดเวลาเรากำลังจะทำงานอีกครั้ง เราจะไปคลินิกแก้หนี้ของ SAM แต่พอมาอ่านเงื่อนไข เราไม่เข้าข่าย เพราะเราจ่ายหนี้ตรงตลอด ไม่เคยติดเครดิตบูโร ฉะนั้นคุณต้องอ่านเงื่อนไขให้ดี– เราหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก หลายคนแนะนำบอกให้ทิ้งหนี้ ขายคอนโด ขายรถ ซึ่งเราคิดว่าควรตัดรถออกไปก่อน แต่มันยังเป็นชื่อของสามีอยู่ เราจึงตัดสินใจจะประกาศขายในเว็บ เพื่อหาคนมาเช่าซื้อต่อจากเรา

              ​ จะว่าสวรรค์เมตตาเราก็ได้ เราไปจ่ายหนี้ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว แล้วเจอแคมเปญของ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ที่เป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน และรีไฟแนนซ์บ้านมาปิดหนี้ เราเดินเข้าไปคุยกับพนักงานเลย เขาให้ข้อมูลเบื้องต้น ทางพนักงานบอกว่า จะให้คนที่ดูแลสินเชื่อโดยตรงติดต่อมา– อนเย็นวันนั้นเซลล์ก็โทรมาหาเรา และบอกรายละเอียดคร่าวๆ พร้อมให้เราส่งเอกสาร ซึ่งเราตั้งใจจะเอาทาวน์เฮ้าส์ไปยื่นกู้ เพราะถ้ารีไฟแนนซ์คอนโดเราจะเสียค่าปรับ เพราะคอนโดนี้เพิ่งทำสัญญาใหม่เป็นชื่อเรา ก่อนหน้าเป็นชื่อของสามี

              ​ ระเบิดเวลาเรามารออีกครั้ง เพราะอีก 15 วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว ทางเซลล์ก็สอบถามเบื้องต้นและรับเอกสารไป เขาบอกดูเบื้องต้นแล้วน่าจะผ่าน แต่เราก็ไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเซลล์ ไม่ใช่คนเซ็นอนุมัติต่อมาไม่นานเซลล์บอกว่า โอกาสผ่านสูง แม้เราจะมีภาระหนี้เยอะ แต่การกู้เงินของเราครั้งนี้มีหลักทรัพย์ ที่สำคัญต้องการกู้เอาไปปิดหนี้ หรือ รวมหนี้เป็นก้อนเดียว 2-3 วันถัดมา เซลล์นัดว่าจะมีคนไปประเมินบ้าน ใจเราชื้นขึ้นมาระดับหนึ่ง สิ้นเดือนนี้เรามีทางรอดแล้ว แต่พอเรามาหาข้อมูล หลายๆ คนบอกว่า ประเมินบ้านก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ ใจเราห่อเหี่ยวลงทันที

              ​ เซลล์ติดต่อกับมาว่า ขอนัดโอนวันที่ 31 ก.ค.นี้เลย ตัวเลขเงินกู้ก็ตามที่เราควรจะได้ คือ 1.ปิดหนี้บัตรทุกใบรวมๆ กันแล้วประมาณ 4 แสน 2.หนี้รถอีก 3 แสน เรายื่นกู้กับธนาคารนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายใน 15 วัน พอเซลล์บอกว่า นัดโอนบ้าน เรากระโดดตัวลอยเลย ภาระหนี้ของเราจากที่ต้องจ่ายเกินรายรับ ตอนนี้เราเหลือเงินเก็บ  เราตั้งใจว่าจากนี้ไป เราจะเก็บเงินให้มากขึ้น ใช้จ่ายให้น้อยลง สิ่งแรกที่เราทำ คือ หักบัตรเครดิตกับบัตรเงินสดทันที เหลือไว้ที่จำเป็นแค่ 2 ใบ กฎของเราคือ ใช้แล้วจ่ายเลย ไม่จ่ายขั้นต่ำ

– เราหารายได้เสริมจากงานประจำ

– สำหรับเราสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตมีอยู่ 2 สิ่ง คือ การเสียคนที่เรารัก และการเป็นหนี้

              ​ ปัญหาเรื่องเงิน และหนี้ต้องแก้ที่ตัวเรา หลายคนอาจสงสัยว่า คนรอบข้างไม่ช่วยเหลือเลยหรือ บอกตรงๆ ปัญหานี้คุณก่อขึ้นเอง คุณก็ควรจะแก้ไขมันเอง เรายังโชคดีที่ได้กำลังใจจากครอบครัวเรา และแม่สามี สุดท้ายในมุมมองของเราหนี้ของคนชนชั้นกลาง หรือหนี้มนุษย์เงินเดือน มัน คือ ระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง ข้อนี้เรามาแชร์ความเห็นกันได้นะคะ เผื่อมีใครผ่านมาอ่านกระทู้นี้ จะได้ช่วยกันระดมความเห็นเสนอไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ***นิยาม คำว่า รวย ของเรา คือ การไม่เป็นหนี้***จบการรีวิวชีวิตการเป็นหนี้เท่านี้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นหนี้อยู่ แต่การเป็นหนี้ในครั้งนี้ จะไม่ทุกข์ เพราะความประมาทในชีวิตอีกแล้ว

ชาวเน็ตให้กำลัง

ต้องชื่นชม

                ทุกคนต้องเจอปัญหากันทั้งหมดแต่จะเจอมากหรือน้อยก็เท่านั้นเอง ก่อนอื่นเราขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของสามีนะคะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งกว่าละครและตัวจะของกระทู้เองก็เก่งนะคะที่สู้คนเดียวได้ หาเงินใช้หนี้ได้ อย่างไรแล้วเราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก: