เกาะในแอนตาร์ติกา น้ำแข็งละลายลดฮวบภายใน 9 วัน 

        ทางเพจ Environman  ได้ออกมาเผยภาพ เกาะในทวีปแอนตาร์ติกา ที่ปริมาณน้ำแข็งลดลงอย่างน่าตกใจ ภายในระยะเวลาเพียง 9 วันโดยจากโพสต์นั้นได้ระบุรายละเอียดว่า 'คลื่นร้อนทำพิษ! NASA เผยภาพจากเกาะในทวีปแอนตาร์ติกาน้ำแข็งละลายฮวบ! 9 วัน น้ำแข็งละลายราว 20 % ขณะอุณหภูมิสูงทุบสถิติ! นักวิทย์ชี้ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน'

        ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ขั้วโลกใต้ เผชิญอุณหภูมิสูงขึ้นทุบสถิติ โดยวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในสถานี Argentina's Esperanza research station วัดได้แตะ 18.3 องศาเซลเซียส และวันที่ 9 กุมภาพันธ์ท่ีผ่านมา ที่ Saymour Island อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 20.75 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเป็นครั้งแรก 

         โดยล่าสุดนั้น NASA Observatory ได้เผยภาพจากดาวเทียมของการละลายของน้ำแข็งในระหว่างช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้นนี้ บน Eagle Island ซึ่งอยู่บนส่วนมุมปลายของคาบสมุทร Antarctic ระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และ 13 กุมภาพันธ์ 2020 ในขณะที่ในบริเวณคาบสมุทร Antarctic มีคลื่นความร้อนปกคลุม

        ด้าน Mauri Pelto นักธรณีวิทยาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งเผยในช่วงเหตุการณ์นี้ว่าน้ำแข็งได้ละลายไปมาก โดยกลายเป็นน้ำอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งระหว่างช่วงที่บันทึกในไม่กี่วันนี้นี้ หิมะได้หายไปคิดเป็น 20% ของหิมะที่สะสมตามฤดูกาลในพื้นที่เลยทีเดียว 

        "ฉันไม่เคยเห็นแอ่งน้ำจากการละลาย (melt pond) ที่เกิดขึ้นเร็วแบบนี้ใน Antarctica มาก่อนเราอาจจะเคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ใน Alaska หรือ Greenland แต่ไม่ใช่ที่นี่" Mauri Pelto เผย 

      Pelto ระบุว่า การละลายขึ้นอย่างรวดเร็วนี้มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอดีตมันไม่ใช่สิ่งที่ปกติใน Antarctica แต่มันเพิ่งเริ่มเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

      โดยอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้อาจมาจากหลายส่วนประกอบ ทั้งความดันอากาศ ลมร้อนแรง อุณหภูมิอากาศ และผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นกว่าปกติถึง 2-3 องศา 

       นอกจากนี้ Pelto เผยว่า คลื่นความร้อนในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 นี้เป็นปรากฏการณ์ละลายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น โดยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือ พฤศจิการบน 2019 และ มกราคม 2020 "หากคุณมองแค่เหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น มันสำคัญกว่าตรงที่ว่า มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น" 

      เห็นแบบนี้ก็้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรชะล่าใจ เพราะนับวันโลกของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และมนุษย์เราก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย 

ขอขอบคุณที่มาจาก : Environman