ชื่นชมหนุ่มนักสู้ ขยันทำงานตั้งแต่เข้าเรียน จนจบปริญญา

          เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้หลายคนที่ท้อลุกขึ้นมาสู้ และ รู้สึกเข้มแข็ง เมื่อหนุ่มนักสู้ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์การทำงาน ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนจบปริญญา ซึ่งเขาทำงานจนถึงวันสุดท้าย ที่จะต้องไปหาประสบการณ์ใหม่ ซึ่งหลายคนอ่านแล้วต้องชื่นชมในความขยัน โดยเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดว่า 

เมื่อวานทำงานวันสุดท้ายของตลอดระยะเวลาเกือบ4ปี_ตั้งแต่เรียนปตรีจนจบ

งานบริการร้านอาหาร

อย่าอายทำกินอย่าหมิ่นเงินน้อย

เรื่องราวก็น่าจดจำอยู่บ้างในช่วงเวลานั้น

1) ผมเรียนวิศวะไม่จบพร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันด้วยเหตุผลและข้อจำกัดบางส่วนที่สะสมมาช่วง ปี 2-4 ทำให้ผมจบช้ากว่าเพื่อนถึง 3 ปี

2) ปกติผมกู้ กยศ. เรียน แต่บังเอิญพอเรียนไม่จบพร้อมเพื่อนทำให้ไม่สามารถกู้ต่อได้ เพราะเกรดต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้ต้องไปทำงานเพื่อหาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตใน มหา'ลัย

3) พอมีเงินเหลือจาก กยศ. และทำงานพาททามบ้างพอจะไปดาวน์รถมอไซต์เพื่อใช้ขับไปเรียนและทำงาน

4) ไปหาสมัครงานหลังเลิกเรียนอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งรับรายได้เป็นเดือนไม่เกิน 6 พัน ทำหลังเลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์ เป็นเด็กเสริฟ ตกชั่วโมงละ 40 บาท ได้เงินเป็นเดือน หมุนเงินไม่ทันเพราะต้องกินใช้รายวัน ทำได้ประมาณ 4 เดือน เลยออก

5) ไปหาสมัครงานทำร้านชาบูแห่งหนึ่งเป็นเด็กเสริฟ ได้ชั่วโมงละ 40 บาท จ่ายให้ 2 สัปดาห์/ครั้ง โอเคขึ้นมาพอหมุนเงินทัน ทำงานได้ประมาณ 3 เดือน เฮียเจ้าของร้านต้องไปทำกิจการใหม่เพราะร้านขายไม่ดีสักเท่าไหร่ ผมเลยได้ออกจากงาน

6) ช่วง ปี 5 ยอมรับว่าเพลียมาก จากการทำงานและเรียน จนมันทำให้เกรดตกมากเกือบโดนรีไทร์ ทำให้เส้นทางการจบ ป.ตรียากขึ้นไปอีก(มาก) แต่ยังคงต้องทำงานคู่กันไปอยู่ หยุดทำไม่ได้ ไม่งั้นไม่มีเงินมาจับจ่ายค่าอยู่ค่ากิน ค่างวดรถ อื่น ๆ

7) เปิดเทอม ปี 6 ไปหาสมัครงานร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่ง ไปเป็นเด็กเสริฟ ช่วงนั้นไม่มีเงินเก็บเลย หมุนใช้จนหมด ขนาดประหยัด(มาก)แล้วนะทำงานทุกวันหลังเลิกเรียนวันละ 5 ชั่วโมง ได้เงินวันละ 200 บาท เลิกงานก็ต้องไปอ่านสือต่อ นอนดึก ตื่นเช้า วนไปแบบนี้

ช่วงนั้นไปอยู่ในเมืองขอนแก่น ไปพักหอพี่คนหนึ่ง เพิ่นใจดี พักฟรี เสียแค่ค่าน้ำไฟ

แต่จะเสียค่าน้ำมันรถเพิ่มขึ้น เพราะต้องขับเข้า มข. ไปเรียนแต่เช้า 8 โมงเช้า เรียนเสร็จไปทำงานต่อกลับถึงห้อง 5 ทุ่ม เป็นอยู่แบบนั้นทั้งช่วง ปี 6

9) เป็นช่วงที่ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น เมื่อเราทำงานเริ่มชิน มันก็ไม่ค่อยเหนื่อยแล้ว การบริหารเวลาทำนู่นนี่นั่นก็ดีขึ้น มีเงินเก็บด้วยถึงจะน้อยก็ตาม ในเรื่องการเรียน ผลการเรียนก็ดีขึ้นตอนจบปี 6 แต่จะทำให้จบได้ก็ยังยาก(มาก)อยู่

10) ปี 7 ย้ายไปอยู่หอแถวหลังมอให้ใกล้ร้านที่ทำงาน และไปเรียนให้ง่ายที่สุด แต่ต้องเสียค่าหอเพิ่ม และค่างวดรถอีกที่ยังไม่หมด ปีนี้เป็นปีที่ยากมาก เพราะอยากจบแล้ว แต่ต้องเรียนให้ได้ A ถึง 9 ตัว จาก 10 ตัว ซึ่งมันโคตรยากเลย

11) ปีนั้นก็ยังทำงานร้านอาหารเช่นเคย และไปลงเรียน ม.รามฯ อีกด้วย และยังต้องเรียนวิศวะให้จบปีนี้อีกด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่ทดสอบกำลังกาย กำลังใจและความสามารถเอามาก ๆ

12) รายได้ไม่พอที่จะหมุนใช้จ่าย และหนี้ต่าง ๆ ที่หยิบยืมคนอื่นมาหมุนใช้ไปก่อน…จึงขอเจ้าของร้านทำงานเพิ่ม นั่นคือ "ขัดกระทะเนื้อย่าง" เฮียเจ้าของร้านเพิ่นใจดีมาก ให้ขัดกระทะได้ รายได้จะเป็นประมาณ 200-300 บาท/วัน ทำให้มีเงินมากขึ้น

13) พอมีเงินเก็บมากขึ้น เราก็รู้สึกผ่อนคลาย และเรียนหนังสือได้ดีขึ้น ทำให้ปี 7 ผมจบ วิศวะได้ จากการได้ A 9 ตัว และ C อีก 1 ตัว ในปีนั้น และเรียนรามก็สอบผ่านทุกตัวจากการลงเรียน 11 ตัว ในปีนั้น ทำงานทุกวันด้วยนะครับ

14) พอเรียนจบแล้วรอสภาอนุมัติก็ยังทำงานเป็นเด็กเสริฟที่ร้านต่อ เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ทหารก็ยังไม่ผ่าน…ทำงานเหมือนเดิม จ่ายงวดรถจนหมด พอหมดก็จ่ายหนี้ที่ยืมมาจนหมด

15) ทำงานเก็บเงินรอจับทหาร เผื่อไม่ติดก็จะพอมีเงินเก็บบางส่วนพอจะต่อยอดไปหาสมัครงานได้ พอมีเก็บบ้างนิดหน่อย เก็บได้เดือนละประมาณ 4-5 พัน เพราะผมประหยัดมาก

16) สุดท้ายจับติดทหาร (ทบ.1) ต้องไปรับราชการทหาร 1 ปี ตามกฎหมาย จนมาถึงเมื่อวานเป็นวันที่ผมทำงานวันสุดท้ายจากการทำงานมาตลอดเกือบ 4 ปี

17) งานบริการเป็นงานพื้นฐานที่ดีเอามาก ๆ ครับ ถ้าผ่านงานแบบนี้ไปได้ งานด้านอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากนัก ที่ผมเลือกร้านเนื้อย่าง เพราะมันทำงานใช้แรง และทำงานกับความหิวของคนด้วย มันเป็นการฝึกอารมณ์ได้ดีเลยทีเดียวและได้กำลังกายด้วย

18) ขอขอบคุณเจ้าของร้านทุกร้านที่รับผมเข้าทำงาน ให้ผมพอมีรายได้มาจับจ่ายในช่วงนั้น ๆ ถึงแม้เงินมันจะไม่ได้มากอะไรนัก แต่มันได้มาจากแรงกายและแรงใจทั้งนั้น พูดได้เต็มปากว่าเป็นเงินขาวหรือเงินบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปหลอกหลวงหรือโกงใครมา

19) ขอบคุณทุกผู้คนและเรื่องราว ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปี ทำให้ผมได้เข้าใจชีวิตและเห็นมุมมองต่าง ๆ และมีทัศนคติที่ดีขึ้น(มาก)

20) กว่าจะผ่านมาได้นั้น ต้องใช้ความอดทน และวินัยสูงมาก (จริง ๆ ครับ ผมนอนน้อยมากช่วงเวลานั้น) เพราะผมพูดได้ว่า "เริ่มจากศูนย์ หรือพื้นฐาน(basic)เลย" 

…ลาแล้วขอนแก่น จะคิดถึงเสมอ…

มีเวลาจะไปแวะแน่นอนครับ

ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก ๆ มันทั้งสนุก สุข เศร้า ผิดหวัง ปน ๆ กันไป

28/4/2564

ชาวเน็ตแห่ชื่นชม[ads]

เก่งมาก แบ่งเวลาได้ดีสุดๆ

นับถือในความสู้

             ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆค่ะ บางคนแค้เรียนก็เหนื่อยแล้ว แต่นี่ทั้งเรียนทั้งทำงาน มีเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆจ้า เรื่องราวน้คงทำให้หลายคนที่ท้อ ต้องลุกขึ้นมาสู้แล้ว อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อนาคตคนรวย ต่อไปขอให้สำเร็จในสิ่งที่ต้องการนะคะ

ขอขอบคุณที่มาจาก: JarnGoff Vaiphots