ความลับร้านบุฟเฟ่ต์99บาท หมูแพงแต่คนขายยังได้กำไร!?

       เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงเคยไปทานบุฟเฟ่ต์ทั้งระดับหลักพัน จนถึงหลักร้อย รวมทั้งราคา 99 บาท ซึ่งก็คงจะสงสัยกันว่า ร้านที่ทำบุฟเฟ่ต์ในราคา 99 บาทนั้นเอากำไรมาจากไหน ล่าสุดทางเพจ ปลั๊กไทย by มหาชะนี ได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้ว่า 

      วันก่อนเคยถามคนทำชาบู 99 บาทที่กำลังฮิตว่าอยู่ได้ยังไง เขาก็บอกว่าคนกินยังไงก็ไม่ถึงหรอก เพราะวัตถุดิบที่ใช้เป็นหมูเกรดถูกแล้วใช้การหมักด้วยฟอสเฟต ซึ่งทำให้หมู่นุ่มและอุ้มน้ำ(ปกติหมูเกรดถูกมันไม่นุ่มหรอกเพราะมักเป็นส่วนเนื้อแดง) หมูโลนึงหมักแล้วได้หมู 3-4 โล ลองสังเกตดูสิว่าหมูหมักชิ้นนึงอุ้มน้ำและหนักมาก คนกินเฉลี่ย 3-4 ขีดก็อิ่มแล้ว ยิ่งผู้หญิงนี่กินหมูแบบนี้ชิ้นใหญ่ ๆ 4-5 ชิ้นก็อิ่ม แล้วเขาจะใช้พ่อ-แม่หมูปลดระวาง ราคาก็จะถูกลงอีก 30-50% สังเกตจากลายเส้นที่ใหญ่ และต้องมีการหมักเพราะมีกลิ่นสาบด้วย(หมูแก่) ส่วนลูกชิ้นหรือผักวัตถุดิบก็ตามราคาแป้งซะเยอะ ค่าน้ำก็แยกจ่ายต่างหากก็ได้กำไร เขาบอกก็พออยู่ได้ ไหนจะมีคนที่ดื่มเบียร์อีก

      ส่วนประเภทที่บอกว่าเอาหมูเน่ามาทำอะไรนี่ เขาบอกไม่จริงหรอก หมูเกรดถูกไม่ถึงร้อยมันก็มี อย่างเช่นหมูน็อกจากฟาร์มเล็กหรือหมูปลดระวาง จะเอาหมูเน่ามาทำขายกรรมวิธียุ่งยากทำไม แต่ถ้าใช้หมูน็อกบางครั้งก็จะมีตัดส่วนเขียวออก ดังนั้นอย่าไปกลัวเรื่องหมูเน่าแบบที่เขาลือ ๆ กัน แล้วหมูโลนึงเอาไปหมักอุ้มน้ำมันก็ได้เพิ่มอีกเยอะเลย

     สรุปมีกำไรแหละ ไม่งั้นเขาจะขายทำไม แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นเฟรนไชน์ รับวัตถุดิบมาจากบริษัทแม่ ลองกินดูสักครั้งแล้วคุณจะรู้สึกอิ่มเร็ว เพราะหมูมันอุ้มน้ำ แล้วฟอสเฟตจะทำให้หมูเสียช้าด้วย เพราะมันเป็นการถนอมอาหารวิธีหนึ่ง ทำให้หมูสีไม่เปลี่ยนไม่เน่า

     ปล.ไม่เจาะจงนะครับว่าเป็นเจ้าไหน แค่ตีแผ่เรื่องราวบางส่วนให้ทราบกันว่ามีแบบนี้ด้วย ส่วนใครใช้ของดี มีคุณภาพก็ขอให้เจริญ ๆ ค้าขายรุ่งเรืองครับผม 

จากความคิดเห็น

ลองสังเกตดู 

ความรู้ล้วนๆ 

       สารประกอบฟอสเฟตเป็นสารที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหลายๆชนิดเช่น อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตนม ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ โดยการผลิตสารประกอบฟอสเฟตนั้นสามารถผลิตได้จากกระดูกสัตว์ หินฟอสเฟต หรือปฏิกิริยาระหว่างไอออนของโลหะกับกรดฟอสฟอริก ซึ่งสารประกอบฟอสเฟตนั้นได้รับการรับรองในเป็นส่วนประกอบของอาหารทีปลอดภัย(GRAS; Generally Recognized as Safe) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในประเทศไทยตามประการของกระทรวงสาธารณสุข (2547) นั้นได้มีการกำหนดปริมาณของสารประกอบฟอสเฟตสูงสุดที่สามารถใส่ในผลิตภัณฑ์เนื้อหมัก เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แฮม และขาหมูรมควันไว้ที่ 3000 มิลลิกรัม ต่อผลิตภัณฑ์ 1กิโลกรัม โดยวัตถุประสงค์ของการใส่สารประกอบฟอสเฟตในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เพื่อ      1. ทำสีของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ให้มีความคงตัว      2. เพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำของเนื้อสัตว์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ได้นั้นมี รสสัมผัสที่นุ่มและมีความชุ่มฉ่ำมากขึ้น         3. ป้องกันการเกิดกลิ่นและรสชาติที่น่ารับประทาน โดยสารประกอบฟอสเฟตนั้นจะมีฤทธิ์ในการช่วยกันการหืนของอาหาร         4. ยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์         5. ลดปริมาณของโซเดียมคลอไรด์ที่ใช้ในกระบวนการแปรรูป  

     เป็นอีกหนึ่งโพสต์ที่ได้ความรู้ และเข้าใจร้านบุฟเฟ่ต์ราคาถูกเลยจริงๆ สำหรับใครที่ชอบทานบุฟเฟ่ต์ต่อไปก็ต้องเลือกร้านสักหน่อยแล้ว เพราะหากกินบ่อยๆ อาจจะส่งผลกับสุขภาพได้ ยังไงก็ระวังและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับสุขภาพจะดีกว่านะคะ

ขอขอบคุณที่มาจาก : ปลั๊กไทย by มหาชะนี