กรมแพทย์แผนไทยเผย 5 วิธีกดจุด ช่วยร่างกายตื่นตัว คลายง่วง

      ช่วงนี้ปฏสิเสธไม่ได้เลยว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นบ่อยมาก  เนื่องจากหลายคนต้องขับรถกลับในระยะเวลาที่นาน จึงทำให้เกิดการง่วง และอาจจะหลับในได้ วันนี้เราจึงนพวิธีกดจุด 5 จุดที่เราสามารถทำเองได้ โดยกรมแพทย์แผนไทยเผย 5 วิธีกดจุดนี้จะช่วยร่างกายตื่นตัว คลายง่วง 

      วันที่ 28 ธ.ค. นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ สาเหตุหนึ่งมาจากอาการง่วง หลับใน ซึ่งตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีการกดจุดเพียง 5 จุด ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว คลายง่วง โดยกด 5 – 10 ครั้งต่อจุด คือ

คือจุดที่ 1 ใช้นิ้วชี้กดกึ่งกลางระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ค้างไว้ 30 วินาที

จุดที่ 2 ใช้นิ้วชี้กดบริเวณร่องใต้จมูก ค้างไว้ 30 วินาที จุดนี้สำคัญที่สุดสามารถใช้ปลุกผู้ที่หมดสติให้ฟื้นได้

จุดที่ 3 ใช้นิ้วคลึงบริเวณห่างจากหางตาประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ทั้งซ้ายและขวา

จุดที่ 4 ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองมือ กดบริเวณท้ายทอยทั้งสองข้าง

จุดที่ 5 ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยของมือข้างขวา นวดตามแนวบ่าข้างซ้าย ทำสลับทั้งสองข้าง

            นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า หากระหว่างเดินทางเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย หรือแม้แต่อาการง่วงหลับใน ขอแนะนำให้พกยาสมุนไพร 3 ชนิดติดตัวระหว่างเดินทางไกล ได้แก่

1.ยาหอมอินทจักร์ แก้วิงเวียนศีรษะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัวคลายจากอาการง่วงนอน

2.ยาหม่องสมุนไพร/น้ำมันไพล ใช้ถูนวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยคลายกล้ามเนื้อ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ

 3.ยาเหลืองปิดสมุทร บรรเทาอาการท้องเสียชนิดไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ อุจจาระไม่มีมูกเลือดปน หรือท้องเสียที่ไม่มีไข้ร่วมด้วย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป นอกจากนี้ แนะนำให้รับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะม่วง มะดัน มะยม ส้มเขียวหวาน ฯลฯ เพราะสมุนไพรรสเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว คลายจากอาการง่วงนอน

             หวังอย่างยิ่งว่าข้อมูลข้างต้นนั้นจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายท่านที่ขับรถตอนกลางคืน หรือพักผ่อนน้อย เมื่อเกิดอาการง่วงให้ลองทำการกด แบบ 5 จุดนี้ ส่วนปีใหม่ปีนี้ก็ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย โดยสวัสดิภาพกันทุกคน นะคะ ขอขอบคุณที่มาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 

 ขอขอบคุณที่มาจาก: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก