เป็นเรื่องราวที่หลายคนให้ความสนใจเมื่อมีเภสัชท่านหนึ่งได้แชร์เรื่องราวที่คุยกับอาม่าท่านหนึ่งวัย 85 ปี ซึ่งคุณยายท่านนี้มีความผิดปกติคือ มีรอยสีดำๆ เต็มใบหน้า จนตั้งคำถามว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ และเมื่อได้สอบถามถึงการใช้ชีวิตของคุณยายท่านนี้จึงทราบว่าเป็นเพราะ กินงาดำ
ต่อมา เพจดังอย่าง Drama-addict ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า หลังจากที่มีชาวโซเชียลหลังไมค์มาปรึกษาหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องโทษของ "งาดำ" ซึ่งเพจจ่าพิชิตก็ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน สำหรับ "งาดำ" นั้น ถ้ากินตามปกติจะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์กับร่างกายมาก พร้อมแนะนำกินประมาณ 15 กรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่กำลังดี ส่วนเคสที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์นั้น เพจจ่าระบุว่า อาการยังไม่เหมือนทองแดงคั่งในร่างกาย ฉะนั้น จึงยังไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันแน่ชัดว่า "งาดำ" มีโทษตามที่ชาวโซเชียลแห่แชร์กันจริงหรือไม่
ด้านเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน โดยบอกว่า งาดำ มีข้อจำกัดในการกิน แต่ไม่น่าจะเป็นอันตรายขนาดที่แชร์กันครับ งาดำ นั้น เป็นพืชที่มีคนนำมาใช้ประโยชน์นานมากแล้ว โดยคนอินเดีย จีน และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเซีย จะใช้งาทำเป็นนํ้ามันเพื่อปรุงอาหาร ส่วนชาวยุโรปจะนำงามาทำเค้ก ไวน์ และนํ้ามัน
ประโยชน์และสรรพคุณงาดำ มีตั้งแต่ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุน แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ลดการอักเสบ เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน ฯลฯ
ในเมล็ดงานั้น มีน้ำมันอยู่ราว 45-55% ประกอบด้วยกรดไขมันเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid นอกจากนี้ยังมี สารกลุ่ม lignan ชื่อ Sesamin , sesamol, d-sesamin, sesamolin และสารอื่นๆ เช่น sitosterol
งาดำ มีแร่ธาตุหลายตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ธาตุแคลเซียม เหล็ก ซีลีเนียม ฟอสฟอรัส สังกะสี โพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส รวมถึงธาตุทองแดงด้วย ซึ่งในงาดำ 100 กรัมมี ธาตุทองแดง 4.082 มิลลิกรัม ถือว่าสูงดี เมื่อเทียบกับธัญพืชอื่น แต่ก็ไม่ได้สูงมากมาย จนจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย การบริโภคงาดำ ร่วมกับอาหารปกติ จึงไม่น่าอันตรายอย่างไร .. ถึงกระนั้น ก็มีข้อควรระวังในการบริโภคงาดำอยู่บ้าง ดังต่อไปนี้
– งา อาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำเกินไป ในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
– ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมทั้งผู้ที่ต้องผ่าตัด ควรระมัดระวัง เพราะอาจส่งผลให้ระดับของน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
– บางราย อาจมีอาการแพ้ได้ เช่น ลมพิษ ริมฝีเปลือกตาปากบวมแดง คันจมูก หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลงจนช็อกหมดสติ โดยอาจเกิดขึ้นทันที หลังจากรับประทาน 90 นาที
– หากกินมากเกินไป จะทำให้เกิดการระบายมาก จนนำไปสู่อาการท้องร่วงได้

สรุป คือ อย่าเพิ่งแตกตื่นตกใจมากเกินไป จนเลิกกินอาหารที่มีประโยชน์ อย่างงาดำ เพียงแต่ว่าควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม และควรจะเคี้ยวให้ละเอียดด้วยนะคะ ส่วนใครที่ยังสงสัยหรือไม่มั่นใจ ให้ปรึกษาแพทย์และผู้ก่อนนะคะ กับเรื่องการกินงาดำ
ขอขอบคุณที่มาจาก: Paisan Saksreesakulchai , อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ , Drama-addict